เดิมทีนางอยากจะบอกว่า ในเมื่อท่านพี่ตั้งใจจะมารับนางกลับไปอย่างผ่าเผย จะต้องไม่ดำเนินการอย่างลวกๆ ทำให้สถานการณ์วุ่นวายจนยากที่จะแก้ได้เช่นนี้แน่ แต่นางก็คิดได้อย่างฉับพลันว่ากู้โม่หานยังอยู่ข้างหน้า จึงได้กลืนคำพูดที่ขึ้นมาถึงปากลงไป
เมื่อครู่สนใจเพียงแต่จะพลิกสถานการณ์ นางจึงไม่ได้สนใจกู้โม่หานโดยสิ้นเชิง
เขายังอยู่ตรงนี้ นางยังต้องเลี่ยงสักหน่อย อย่างไรเสียความสัมพันธ์ทางการทูตของแคว้นต้าเซี่ยและแคว้นซีเหย่ก็ยังไม่ได้ยืนยัน นางจะเปิดเผยฐานะของท่านพี่ออกมาอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้
กู้โม่หานยืนอยู่ข้างกายของหนานหว่านเยียน ดวงตาอันลึกซึ้งเพ่งมองนาง แต่ตลอดมากลับไม่ได้พูดอะไรเลย
ไท่เฟยชำเลืองมองหนานหว่านเยียน และมองดูกู้โม่หาน ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้ บนใบหน้าไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย กระแอมสองที ประคองหนานหว่านเยียนเดินไปทางด้านนอก
“กลับตำหนักก่อนแล้วค่อยพูด”
เพิ่งจะสิ้นสุดเสียง เสียงทุ้มต่ำของกู้โม่หานก็ดังขึ้น “เสด็จแม่ หม่อมฉันอยากพูดคุยกับฮองเฮาเพียงลำพังพ่ะย่ะค่ะ”
จิตใจของหนานหว่านเยียนเป็นกังวลทันที คิ้วอันงดงามขมวดแน่น สบสายตากับไท่เฟยอย่างอดไม่ได้
ไท่เฟยก็เม้มปาก มองไปทางกู้โม่หาน
รูปร่างที่สูงใหญ่เป็นพิเศษของเขา ดวงตาสีดำขลับลึกล้ำ มองดูพวกนางอยู่เช่นนั้น พูดให้ถูกคือจ้องมองเพียงแค่หนานหว่านเยียนเท่านั้น
ไท่เฟยจะไม่รู้นิสัยลูกชายของตัวเองได้อย่างไร ตอนนี้รู้ว่าหนานหว่านเยียนเป็นจวิ้นจู่ และทูตแคว้นต้าเซี่ยต้องการจะมารับจวิ้นจู่แห่งแคว้นต้าเซี่ยกลับไป เขาจะต้องไม่สบอารมณ์เป็นแน่
ตอนนี้อะไรก็ไม่พูด ไม่ทำ ดูแล้วท่าทางยังนับว่าให้ความร่วมมือ แต่ใครจะรู้ว่าเขากำลังเก็บกดอารมณ์แบบไหนไว้ และเก็บกดไว้นานเพียงใดแล้ว หากว่าก่อปัญหาขึ้นมา จะต้องแย่เป็นอย่างมากแน่นอน
“โม่หาน วันนี้หว่านเยียนได้รับความตกใจเข้าแล้ว ข้าอยากพานางกลับไปพักผ่อนที่ข้าให้ดีสักครู่หนึ่ง และถือโอกาสพูดจากับนาง ค่ำสักหน่อยเจ้าค่อยคุยกับนางตามลำพังละกัน”
สายตาของกู้โม่หานยังคงจับจ้องไปที่หนานหว่านเยียน แม้ว่านางจะไม่ได้มองเขาสักแวบเดียวก็ตาม
“มีบางคำพูด ลูกจำเป็นต้องพูดกับหว่านเยียนตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ วันนี้เสด็จแม่ก็เหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่เฟยขมวดคิ้ว ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่กู้โม่หานก็ดึงดันคว้าจับข้อมือของหนานหว่านเยียนไว้แน่นเป็นที่สุด ออกแรงเล็กน้อย “เจ้าก็มีคำจะพูดกับข้าเหมือนกันสินะ ฮองเฮา”
หนานหว่านเยียนรู้สึกเจ็บข้อมือขึ้นมาทันที นางตกใจ ในที่สุดก็เงยหน้ามองเขา
ท่าทางเช่นนี้ของเขา โดยมากคงจะไม่เปลี่ยนความคิดแล้ว หากปฏิเสธไปก็รังแต่จะยั่วให้โมโห หนานหว่านเยียนมองไปทางไท่เฟย “เสด็จแม่ ท่านกลับไปก่อนเถอะเพคะ ค่ำหน่อยข้าจะไปหาท่าน”
ไท่เฟยมองดูแววตาอันร้อนแรงของกู้โม่หาน ก็รู้เช่นกันว่าตัวเองขัดขวางเขาในเวลานี้ก็ไร้ประโยชน์
นางมองไปยังหนานหว่านเยียน กล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนเป็นที่สุด “ได้ เรื่องการกลับคืนสู่ฐานะ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก เรื่องนี้ ข้าจะต้องจัดการได้ดีอย่างแน่นอน”
หนานหว่านเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่”
ไท่เฟยยิ้มให้หนานหว่านเยียน จากนั้นก็หันกลับและจากไป
ขณะที่หมุนตัวในนาทีนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึมในพริบตา ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร นางจะต้องจัดการให้ดีๆถึงจะได้ จะปล่อยให้หว่านเยียนทนรับความทุกข์ยากลำบากไม่ได้เด็ดขาด......
เขาอยากจะถามนางว่า ทูตแคว้นต้าเซี่ยปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ นางผิดหวังหรือไม่ ทูตแคว้นต้าเซี่ยมาซีเหย่เพื่อมารับจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ย ถึงเวลา นางจะติดตามคนกลุ่มนั้นออกจากแคว้นซีเหย่ไปจริงๆหรือไม่
เรื่องมาถึงจุดนี้ ตัวตนของนางก็ยกขึ้นไปบนเวทีแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง และหลบเลี่ยงอีก
ด้วยเหตุนี้หนานหว่านเยียนจึงชะงักฝีเท้า หันตัวไปด้านข้าง เพ่งมองกู้โม่หานด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของนางไม่มีความผันผวนมากมายนัก ทั้งยังสุขุมเยือกเย็นและเฉยเมยยิ่งกว่าปกติซะอีก
“กู้โม่หาน ข้ารู้ว่าท่านอยากจะถามอะไร และในสิ่งที่ท่านคิดเช่นนั้น รอให้ฐานะของข้าได้ผลสรุปออกมา ทุกอย่างได้รับการยืนยัน ข้าก็จะจากไป” เมื่อถึงเวลาตัดก็ต้องตัด ไม่เช่นนั้นจะกลับกลายเป็นความวุ่นวาย
นางต้องการหยิบยืมโอกาสนี้บอกกู้โม่หานว่า ในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถย้อนกลับไปดั่งแต่ก่อนได้นานแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปยังจะดีซะกว่า
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของกู้โม่หานก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนัก ราวกับว่าคาดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ริมฝีปากบางๆยังคงเม้มจนเป็นเส้นตรง ความเจ็บปวดลอยคุกรุ่นอยู่บนใบหน้า หัวใจเหมือนดั่งถูกกรอกด้วยตะกั่วทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก
แม้ว่าเขาจะรู้คำตอบนี้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินหนานหว่านเยียนพูดเองจากปาก ในจิตใจก็ยังคงเจ็บและจุกเป็นพิเศษจนเกินที่จะทนได้
เขาหันตัวไปด้วยเช่นกัน สายตาจับจ้องที่นางอย่างจดจ่อ น้ำเสียงหนักแน่นเย็นชาแต่ตึงเครียด พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุม แต่ทันทีที่เปล่งเสียง ก็ยังคงเผยความกดดันและความคับข้องหมองใจเล็กน้อยออกมา
“แล้วข้าล่ะ?”
“หว่านเยียน เจ้าไม่ต้องการข้าแล้วเหรอ.......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...