ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 825

คำว่าท่านน้าคำนี้ ได้ดึงเขากลับเข้าสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง เขาจ้องมองจวิ้นจู่ โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

ที่แท้ พวกเขาก็กำลังจะแต่งงานกันแล้ว

ความรู้สึกมากมายปะทุอยู่ในใจของเขา เป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถจะอธิบายได้ แต่ขอเพียงแค่นางมีความสุข เขาก็จะอวยพรนาง เขาอยากจะพูดคุยกับนางเสียหน่อย แต่จวิ้นจู่กำลังดีใจเป็นอย่างมาก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อย ฟังเพียงแค่ไม่กี่คำก็ทิ้งเขาไว้ รีบไปเลือกเครื่องประดับสำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พลางนั่งรถเข็นกลับเรือนไป ไม่มีขบวนขันหมากร้อยลี้ ไม่มีแขกเหรื่อล้นหลาม กู้โม่หานไม่ได้ร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับนางเสียด้วยซ้ำ

หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้แล้ว ก็ตรงไปคิดบัญชีกับกู้โม่หานด้วยความฉุนเฉียวทันที แต่กลับถูกขวางไว้ก่อน จากนั้นก็ถูกนำตัวไปขังที่หลังเรือน

เวลาผ่านไปห้าปี

ห้าปีนี้ ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่เป็นห่วงนาง แต่สุขภาพของเขากลับแย่ลงในทุกๆ วัน คนของจวนเฉิงเซี่ยงก็คอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ถึงเมื่อไหร่ นางไม่ได้กลับมาเยี่ยมเขา เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะคุยกับนาง

จนกระทั่งห้าปีต่อมา นางกลับมาแล้ว งดงาม เฉิดฉายตระการตา เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว นางเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าก็หายดีแล้ว สวยแล้ว ยังมีบ่าวรับใช้ติดตามมาด้วยสองคน

แถมยังมีทักษะทางการแพทย์อีกด้วย นางบอกว่าจะรักษาขาที่พิการมานับสิบปีของเขาให้หายดี รวมไปถึงพิษที่สะสมในร่างกายของเขา

เขาดีใจเป็นอย่างมาก ทั้งรู้สึกปลาบปลื้มและอิ่มเอมใจ และในวันนั้น เขาก็ได้พบกับท่านอ๋องผู้นั้นเป็นครั้งแรก ลักษณะท่าทางไม่ธรรมดา องอาจเกรียงไกร แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีความรักต่อจวิ้นจู่แม้แต่น้อย

เขารู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่มีค่าพอสำหรับนาง อยากจะช่วยนางออกโรง และปกป้องนางไว้ ในระหว่างที่นางช่วยเขาชำระพิษ ความทรงจำที่หายไปก็ค่อยๆ ทยอยกลับมา ตัวตนที่แท้จริงของเขา กระทั่งเรื่องที่เขาตกหลุมรักนาง...

ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ โง่เขลาเฉาโฉด ต้องการให้เขาคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา หรือนางที่สดใสร่าเริง เปล่งประกายทอแสง เขาก็รู้สึกชอบทั้งนั้น

เขาไม่อยากให้นางเจ็บปวดและทรมานกับความรักอีกต่อไป

อยากจะพานางกลับต้าเซี่ย อยากเห็นนางขึ้นสู่จุดสูงสุด ไม่มีใครกล้าที่จะรังแกนางอีก ทว่าตอนนี้ แม้แต่ความปรารถนานี้ ก็ไม่สามารถที่จะเป็นจริงได้อย่างนั้นหรือ...

หนานหว่านเยียนมองดูโม่หวิ่นหมิงที่ค่อยๆ หมดแรงไปอย่างช้าๆ น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะพรั่งพรูออกมา นางเป็นหมอนางจะดูไม่ออกได้อย่างไร ว่าอาการของเขานั้นย่ำแย่เป็นอย่างมาก

“ท่านน้า...”

ชีวิตนี้ หากจะพูดถึงคนที่นางติดค้าง ก็มีเพียงโม่หวิ่นหมิงคนเดียวเท่านั้น

เขาคือคนที่คอยปกป้อง คอยคุ้มครอง คอยดูแลนางตั้งแต่เล็กจนโต

แต่ตอนนั้นนางโง่เขลาเกินไป โดยเฉพาะตอนที่นางตกหลุมรักกู้โม่หาน ในสายตานางมีเพียงกู้โม่หานคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยสนใจคนใกล้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

เพื่อที่จะช่วยนาง เขาต้องกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต ทนทุกข์ทรมานจากอาการป่วยนับสิบปี แต่ท่านน้ากลับไม่เคยโทษนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว กลับคอยบอกกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเขาไม่ดีเอง ที่ไม่สามารถปกป้องนางได้ จึงทำให้นางต้องตกใจและหวาดกลัว

โม่หวิ่นหมิงเห็นนางน้ำตาไหลริน ก็รู้สึกปวดใจเสียไม่ได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำนางร้องไห้

เขาไม่เข้าใจว่าช่องว่างที่นางพูดถึงนั้นคืออะไร ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจากแผลที่แผ่นหลังทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้ เปลือกตาของเขารู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

เขารู้ว่ากำลังจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาเพียงแค่อยากจะมองนางให้ชัดๆ สักครั้ง ราวกับว่าต้องการจะจดจำนางเข้าไปในสมอง เขาค่อยๆ เอื้อมมือด้วยความยากลำบาก อยากจะช่วยปาดน้ำตาบนแก้มของนาง คำพูดที่ติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นประโยค พูดหนึ่งคำกระอักเลือดหนึ่งที จนเขาแทบจะไม่มีเสียงอยู่แล้ว

“หว่านหว่าน...อย่าร้องไห้...”

“รับปากข้า...เจ้าจะต้อง...มีความสุข...กว่าใครๆ ...”

มือที่เปื้อนไปด้วยเลือดของเขายังไม่ทันจะสัมผัสใบหน้าของนาง จู่ๆ ก็ทิ้งตัวอย่างอ่อนแรง เปลือกตาของเขาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ไม่มีลมหายใจอีกต่อไป...

เวลาดูเหมือนจะยาวนาน แต่ความเป็นจริงผ่านไปเพียงไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น กู้โม่หานเดินไปถึงข้างกายหนานหว่านเยียน ก็เห็นโม่หวิ่นหมิงหมดลมหายใจในอ้อมแขนของนาง

มือที่ขาวซีดของเขาสั่นเทาอย่างไม่อยากควบคุมได้ เขายืนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความอึ้ง รู้สึกแสบร้อนในลำคอ ราวกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างกัดแทะร่างกายของเขาจนข้างในกลวงไปหมดอย่างไรอย่างนั้น...

โม่หวิ่นหมิง ตายแล้ว...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้