ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 852

“หลังจากนางให้กำเนิดลูกน้อยแล้ว ก็ถูกองค์ไทเฮาของแคว้นซีเหย่ตัดสินลงโทษประหารชีวิต จนเสียชีวิตไปแล้ว มิทราบว่าองค์หญิงจะให้ข้าน้อยไปตรวจสอบนางในเรื่องอันใด?”

หนานหว่านเยียนแค่นเสียงเย้ยหยันขึ้นคำหนึ่งทันใด แววตากระจ่างสดใสเต็มเปี่ยมด้วยข้อสงสัยกังขาและมิเชื่อถือวางใจ

“ข้าไม่เชื่อว่านางเสียชีวิตแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าไม่ว่าจ่ายค่าตอบแทนสูงมากแค่ไหน ก็ต้องไปตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริงของข่าวลือดังกล่าวนี้ให้ได้”

เมื่อสองปีครึ่งก่อนหน้านี้หลังจากเกิดเรื่องเหล่านั้นแล้ว แคว้นซีเหย่และแคว้นต้าเซี่ยก็มิมีการติดต่อไปมาหาสู่กันอีก

ระหว่างสองแว่นแคว้นมิมีการไปมาหาสู่กันอีกทั้งห้ามการติดต่อสื่อสาร ดังนั้นนางก็มิอาจถามไถ่เสด็จแม่เช่นกัน ยิ่งมิทราบว่าต่อมาภายหลังเกิดอะไรขึ้นแล้วกันแน่

แต่ขอเพียงหยุนอี่ว์โหรวมิได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือนาง นางก็ไม่เชื่อว่าหยุนอี่ว์โหรวเสียชีวิตแล้วจริงๆ

นอกจากนี้นางมักรู้สึกว่าพ่อบ้านกาวยังมีชีวิตหาได้ดับสูญไม่ จะต้องสร้างปัญหาความวุ่นวายอันใดขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน……

ดวงตาของโม่เหยียนสะท้านขึ้นวูบอย่างรุนแรง คล้ายดั่งคาดคิดมิถึงว่าหนานหว่านเยียนจะมีความคิดเช่นนี้

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

หนานหว่านเยียนจ้องมองดูโม่เหยียนอย่างลึกซึ้งยิ่งนักคราหนึ่ง “เจ้าต้องจดจำให้มั่นจนขึ้นใจ อย่าให้ผู้ใดมิว่าเป็นใครได้ล่วงรู้ว่า เจ้ากำลังแอบลอบกระทำเรื่องราวแทนข้าอย่างลับๆ”

แม้ว่านางจะมีศักดิ์ฐานะสูงส่งเป็นรัชทายาท แต่ความจริงแล้ว มีกองกำลังกลุ่มอำนาจฝ่ายตรงข้ามจำนวนไม่น้อยที่เฝ้ามุ่งหวังรอคอยอย่างลับๆ ให้นางล้มลง หากถูกคว้าข้อด้อยจับจุดอ่อนเอาไว้แล้วละก็ จะเป็นปัญหายุ่งยากอย่างยิ่งเช่นกัน

“ขอรับ” โม่เหยียนตอบรับคำ เขาลูบคลำลูกปัดทรงกลมภายในอกเสื้อพลาง ริมฝีปากบางกลับแทบเม้มเป็นเส้นตรงสายหนึ่งแล้ว

ขนาดสองคนนี้นางก็ยังเอ่ยถึงแล้ว ถ้าเช่นนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายในสนามรบผู้นั้นล่ะ ไฉนจึงมิเห็นนางเอ่ยถึง……

ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา ก็ถูกเขาพยายามแข็งขืนสะกดข่มลงไปแล้ว เขามิกล้าถาม เกรงว่าจะไปสัมผัสถูกเส้นแบ่งล่างสุดของนาง ทำให้ความเชื่อมั่นที่นางมีต่อเขาซึ่งได้มาอย่างยากลำบากแสนเข็ญ ต้องพินาศสลายไปอีกในชั่วพริบตาเดียว

แล้วจู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองดูหนานหว่านเยียนเขม็งโดยตาไม่กระพริบ เผยอริมฝีปากบางเอ่ยปากถามขึ้นว่า “เรื่องที่องค์หญิงทรงพูดมาเหล่านี้ ข้าน้อยล้วนยินดีไปกระทำ และจะต้องช่วยองค์หญิงจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน รอจนกระทั่งสำเร็จลุล่วงแล้ว ข้าน้อยค่อยถามหาคนที่ข้าน้อยต้องการจากท่านผู้หนึ่ง”

หนานหว่านเยียนเชิดปากขึ้น นางชื่นชอบความเปิดเผยตรงไปตรงมาของเขาอย่างยิ่ง นางมิเข้าใจในตัวเขามากนัก จึงไม่สามารถไว้วางใจได้อย่างสมบูรณ์โดยสิ้นเชิง รอจนกระทั่งเขาทำงานสำเร็จลุล่วงตามที่นางต้องการแล้ว ต่อให้เขาไม่พูด นางก็ยังจะช่วยเรื่องของเขาให้สำเร็จเสร็จสิ้นเช่นเดียวกัน คิดมิถึงว่าว่าเขาจะเสนอเช่นนี้ขึ้นมาก่อน นับเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง

“ได้สิ ข้าจะต้องช่วยเจ้าตามหาให้จนพบ มอบให้ถึงในมือของเจ้า!”

“วาจาเป็นสัจจะ” โม่เหยียนจ้องมองนางเขม็งอย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง ดวงตาสีเข้มลึกซึ้งสลัวคลุมเครือมิกระจ่าง พลันเขาก็ถามขึ้นอีก “องค์หญิง ข้าน้อยมีเรื่องจะเรียนถาม”

นางพยักหน้า “เจ้าพูดมาซิ”

โม่เหยียนเม้นๆ ปากพูดว่า “ไม่ทราบว่าองค์หญิงทรงรับสนมชายอื่นอีกหลายคนไว้ในสังกัดของตัวเองนั้น ก็เหมือนเช่นเดียวกับข้าน้อยหรือไม่ ที่จะมาเป็นองครักษ์ของท่าน?”

“ถ้าเป็นเช่นนี้ละก็ ราตรีค้ำคืนนี้องค์หญิงใช่จะ……เข้าหอกับเย่เชียนเฟิงผู้นั้นหรือไม่ขอรับ?”

เขากำลังรอคอยคำตอบของหนานหว่านเยียนอย่างเงียบงัน ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นอยู่บางอย่างบอกบรรยายมิถูก

หนานหว่านเยียนต้องตกตะลึงบ้างแล้ว นางมิเคยคิดถึงมาก่อนเลยว่าเขาจะถามในเรื่องเช่นนี้

“ขออภัย เป็นความหุนหันของข้าน้อยเอง” โม่เหยียนขอโทษอย่างไร้ความจริงใจแม้แต่น้อยนิด เขาอุ้มนางกลับไปนั่งบนเก้าอี้เมื่อครู่นี้ก่อนแล้วจึงได้คลายมือออก เขาจ้องมองดูนางเขม็ง ภายในดวงตามีความวิตกกังวลและปวดใจอยู่บ้าง “ต้นตอของโรคภัยไข้เจ็บนี้ คงเกิดจากตอนที่องค์หญิงทรงประสูติซื่อจื่อทั้งสองกระมัง?”

“ข้าน้อยตอนอยู่ภายในเรือนบ้านยามที่ดูแลท่านแม่นั้น เรียนรู้ว่าจะต้องรักษาบรรเทาอาการปวดเช่นใดมาก่อน องค์หญิงทรงอย่าได้ตื่นเต้นวิตกกังวล ข้าน้อยนี้จะช่วยบีบนวดบรรเทาขจัดอาการปวดให้ท่านเอง”

ต้นตอสาเหตุอาการเจ็บป่วยของนาง สืบเนื่องมาจากตอนที่นางอยู่เดือนจริงๆ นางตั้งครรภ์อุ้มท้องนานร่วมแปดเดือนคลอดเจ้าตัวน้อยทั้งสองแล้ว ตอนนั้นสถานการณ์ช่างวิกฤตอย่างยิ่ง สถานการณ์ของนางไม่ค่อยดีนัก สถานการณ์ของเด็กสองคนย่ำแย่มากยิ่งกว่าด้วยซ้ำ หากมิใช่……

แต่ว่า เด็กน้อยสองคนตอนนี้แข็งแรงปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว นางทนทุกข์ทรมานอยู่บ้างเล็กน้อย ค่อยๆ รักษาบรรเทากันไปเถอะ ก็นานๆ ครั้งเช่นกันที่จะปวดบ้างเป็นครั้งคราว หาได้เจ็บปวดร่ำไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่

“มิต้องแล้วล่ะ ข้ายังมีเรื่องราวที่จะต้องทำอีกมากมายนัก สองเรื่องที่ข้ามอบหมายให้เจ้านั้น เจ้ารีบไปดำเนินการโดยเร็วที่สุด เจ้าออกไปเถอะ”

นิ้วมือของโม่เหยียนสั่นสะท้าน จ้องมองดูนางขมวดคิ้วนิ่วหน้า ต้องการช่วยเหลือบรรเทาความเจ็บปวดให้นางก็ยังมิสามารถทำได้ กล่าวถึงที่สุดแล้วเวลานี้พวกเขายังถือว่ามีศักดิ์ฐานะแตกต่างกันอยู่

แต่เขาฟังความหมายในคำพูดของนางแล้ว จิตใจก็อดที่จะพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกไม่ได้ นางเจ็บปวดมากขนาดนั้นแล้วก็ยังมิยินยอมพักผ่อนรักษาบรรเทาอาการสักครา ยังจะต้องจัดการเรื่องราวอีกมากมายนัก รวมถึงการอยู่ร่วมห้องกับผู้อื่นในค่ำคืนนี้ด้วยเช่นกันหรือไม่……

นึกถึงตรงนี้แล้ว โม่เหยียนกำนิ้วมือที่ข้อกระดูกกระจ่างจนแนบแน่น ก้มศีรษะลงแล้วกุมมือสองข้างประสานขึ้นเบื้องหน้าคำนับเล็กน้อย “ขอรับ ข้าน้อยก็ขอทูลลาในที่นี้”

โม่เหยียนหันร่างกลับกำลังเตรียมจะจากไปนั่นเอง ทันใดนั้นประตูตำหนักก็ถูกผลักเปิดออกผางในรวดเดียว สองคนหนึ่งหน้าหนึ่งหลังเดินเข้ามาแล้วสกัดขวางทางเดินของเขาไว้

เขาหยีตาทั้งสองขึ้นมาอย่างกะทันหัน เห็นหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกับหนานหว่านเยียนผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าฉูดฉาดแต่งกายด้วยอาภรณ์สวยงามหรูหรามั่งคั่ง บริเวณลำคอและข้อมือก็ยังสวมใส่เครื่องประดับล้ำค่ามีราคาอีกจำนวนมิน้อย

นางปั้นสีหน้าเคร่งเครียดบึ้งตึง เมื่อได้เห็นโม่เหยียนเข้า ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาแล้วในทันใด……

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้