แสงตะวันของด้านนอกเจิดจ้าตาเป็นพิเศษ โม่เหยียนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นป้องหน้าบดบังเอาไว้ เขามองไปยังทิศทางเบื้องหน้า ก็มองเห็นหนานหว่านเยียนและเฟิงยางกำลังนั่งอยู่ภายใต้ร่มเงาต้นไม้ คอยเช็ดใบหน้าของน่าวน่าวอย่างนุ่มนวลและระมัดระวังเอาใจใส่
อันอันกำลังพิงอยู่ด้านข้างของน่าวน่าว และกำลังเงยหน้ากินผลไม้ป่าอย่างเบิกบานใจมีความสุข
ซาลาเปาน้อยพับแขนเสื้อขึ้นนั่งอยู่ข้างๆ กำลังนับจำนวนผลไม้ป่าอย่างระมัดระวังรอบคอบ และเกี๊ยวน้อยก็กำลังทำหน้ามุ่ยด้วยความโกรธเคือง บ่นตำหนิว่ากล่าวใส่น่าวน่าวขึ้นว่า
“ลู่หรง ต่อไปมิให้เจ้าซุกซนมากเช่นนี้อีกแล้วนะ สกปรกเลอะเทอะไปหมดทั้งตัวแล้ว อีกซักครู่จะไปหาท่านปู่หมิงอย่างไรล่ะ?”
น่าวน่าวมิยินยอม ปล่อยให้หนานหว่านเยียนคอยเช็ดหน้าตามสะดวก พูดเถียงขึ้นด้วยน้ำเสียงยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนมว่า “ฮิฮิฮิ ท่านปู่หมิงเป็นผู้ใหญ่ใจดีออกฮะ จะไม่ดุด่ารังเกียจข้าอย่างแน่นอนฮะ!”
“พี่สาวก็แบบนี้แหละฮะ ต้องการสั่งสอนข้านะเอง! ฮึ!”
หนานหว่านเยียนและเฟิงยางรู้สึกหัวเราะมิออกร่ำไห้มิได้ คำพูดของเด็กน้อยวาจาอันใสซื่อไร้เดียงสา ชะล้างความไม่สงบทั้งมวลไปจนหมดสิ้นแล้ว เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องการลอบสังหารขึ้นมาก่อนก็ปาน
เกี๊ยวน้อยเห็นโม่เหยียนรุดมาแล้ว นางแอบลอบเหลียวมองไป หลังจากถูกโม่เหยียนพบเห็นแล้ว นางก็เบือนหน้าหันไปทำท่าคล้ายโมโหขึ้นมาทันที ส่งเสียงสั่งสอนน่าวน่าวขึ้นมาต่อไป
โม่เหยียนมองดูทุกอย่างเหมือนเช่นตามปกติ ภายในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นวูบ ประกายสายตาอ่อนโยนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
นางกลับช่วยเขาปิดบังไว้แล้ว ผลปรากฏว่ามิได้เสียเปล่าที่รักใคร่เอ็นดูบุตรสาวแก้วตาดวงใจแสนรักแสนหวงผู้นี้
นึกถึงตรงนี้ เขาแสร้งเป็นก้าวย่างเดินอย่างเรื่อยๆ สบายใจ มุ่งหน้าตรงเข้าไปหาพวกเขา
“ซื่อือทั้งสองยังเยาว์วัยชอบเล่นสนุกนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว วันนี้จวิ้นจู่ก็เหน็ดเหนื่อยแล้วเช่นกัน มิสู้นั่งลงพักผ่อนสักครู่เถอะ”
เมื่อได้ยินเสียงของโม่เหยียน น่าวน่าวก็สดชื่นกระตือรือร้นขึ้นมาแล้วทันใด มองไปทางเขาด้วยสองตาที่เป็นประกาย “คุณชายโม่เหยียนฮะ!”
อันอันก็รีบกลืนผลไม้ภายในปาก ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดกับโม่เหยียนว่า “คุณชายโม่เหยียนฮะ ท่านรู้สึกว่า เป็นอย่างไรบ้างแล้วฮะ?”
“ข้าหาเป็นไรไม่ ซื่อือทั้งสองมิต้องกังวลใจ” โม่เหยียนยิ้มพลางลูบๆ ศีรษะของทารกน้อยทั้งสอง
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วมองดูเขาพูดว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี ไฉนไม่พักผ่อนอยู่ในบนรถม้าล่ะ?”
โม่เหยียนมองดูเกี๊ยวน้อยแล้วคราหนึ่ง แม่หนูน้อยไม่ได้มองดูเขา เขายกยิ้มที่มุมปากพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้อานผิงจวิ้นจู่บอกกับข้าน้อยว่าผลไม้ป่าในสถานที่แห่งนี้รสชาติอร่อยอย่างยิ่ง ข้าน้อยก็เลยคิดจะทดลองชิมดู”
หนานหว่านเยียนมองไปทางเกี๊ยวน้อยอย่างสงสัย เกี๊ยวน้อยสีหน้าแดงก่ำพลางกระโดดหนีออกทันที “ข้าหาได้พูดสักหน่อย!”
“ข้า...ข้าเพียงแค่ไปเยี่ยมดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว กล่าวถึงที่สุดหากมิใช่เนื่องเพราะข้าแล้ว เขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน……”
นางพูดกระปอดกระแปดเสียงค่อย โม่เหยียนกลับยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน
“วิทยายุทธ์ของจวิ้นจู่มีความรุดหน้าแล้ว เพียงแต่อายุยังน้อย ขาดพละกำลังความแข็งแกร่งอยู่บ้าง รอให้จวิ้นจู่เติบโตมากขึ้นอีกหน่อย ก็สามารถจัดการกับเหล่ามือสังหารในวันนี้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว”
โม่เหยียนยิ่งกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของเกี๊ยวน้อยก็ยิ่งแดงแล้ว ฉวยโอกาสวิ่งรวดเดียวไปยังอีกด้านหนึ่งแล้ว เฟิงยางเกรงว่านางจะสะดุดหกล้ม จึงรีบเร่งติดตามไปแล้ว
หนานหว่านเยียนมองดูเกี๊ยวน้อยแล้วคราหนึ่ง นางอดที่จะเม้มปากขึ้นมาไม่ได้
สองพี่น้องตกลงเห็นพ้องทันที พยักหน้าอย่างเงียบงัน เริ่มทำปากจนแก้มตุ่ยพลางเป่าใส่ตรงบริเวณบาดแผลของโม่เหยียน
น่าวน่าวออกแรงเป่าอย่างจริงจังยิ่งนัก ใบหน้าน้อยๆ ที่ขาวราวหิมะเบ่งจนแดงก่ำไปทั่วแล้ว เหมือนกับแม้แต่แรงดูดนมมารดาก็ยังใช้ออกแล้ว “คุณชายโม่เหยียนมิต้องกลัว ความเจ็บปวด สลายตัวจากไปแล้วฮะ!”
การกระทำของสองเด็กน้อยทำให้หนานหว่านเยียนและซาลาเปาน้อยส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา โม่เหยียนมองดูพวกเขาอย่างลึกซึ้ง รู้สึกซาบซึ้งหวั่นไหวจนสุดที่จะพรรณนา
ยังจำได้ว่าในอดีต พวกบุตรสาวก็เคยพูดลักษณะนี้กับเขาเช่นกัน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นบุตรชายก็มีความรู้สึกไปอีกแบบหนึ่ง
สถานที่ไม่ไกลนัก เกี๊ยวน้อยมองดูการกระทำของอันอันและน่าวน่าวแล้ว เตะก้อนหินบนพื้นอย่างรู้สึกทระนงอยู่บ้างบ่นกระปอดกระแปดว่า
“สนัขป่าตาขาวน้อยทัังสองตัว เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าแบกพวกเขาไว้บนหลังวิ่งไปตลอดทั่วทั้งป่านั้น ไฉนมิเห็นพวกเขารู้สึกห่วงใยเอาใจใส่ข้าพี่สาวคนนี้เลยเล่า”
เฟิงยางมิสามารถกลั้นหัวเราะไว้ได้ ภายในใจกลับรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจวิ้นจู่จะพูดเช่นนั้นก็ตาม แต่ครั้งนี้นางมิได้ขัดขวางห้ามซื่อือทั้งสองใกล้ชิดกับโม่เหยียนอีก ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะมีการคลี่คลายประนีประนอมแล้ว
โม่เหยียนเล่าเรื่องตลกส่วนหนึ่งให้เด็กน้อยทั้งสองฟังทำให้พวกเขาเบิกบานใจมีความสุข ทันใดนั้นก็มีทหารองครักษ์สองคนรุดมา ยื่นผลไม้ป่าลูกใหญ่หลายผลในมือให้เขา “คุณชายโม่เหยียน ผลไม้นี้มอบให้แก่ท่าน”
โม่เหยียนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อย สีหน้าทหารองครักษ์ลำบากใจใช้มือปิดบังใบหน้าไว้ พูดเสียงเบาๆ ว่า “อานผิงจวิ้นจู่สั่งให้พวกข้าคัดผลไม้ใหญ่ที่สุดรสชาติหวานที่สุดส่วนหนึ่ง นำมาส่งให้ท่านขอรับ”
“นางมิให้พวกข้าบอกท่านกับพวกองค์หญิงและซื่อือจวิ้นจู่หลายคน และโปรดอย่าพูดว่าพวกข้าแพร่งพรายเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเชียวนะขอรับ……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...