ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 892

แสงตะวันของด้านนอกเจิดจ้าตาเป็นพิเศษ  โม่เหยียนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นป้องหน้าบดบังเอาไว้  เขามองไปยังทิศทางเบื้องหน้า  ก็มองเห็นหนานหว่านเยียนและเฟิงยางกำลังนั่งอยู่ภายใต้ร่มเงาต้นไม้  คอยเช็ดใบหน้าของน่าวน่าวอย่างนุ่มนวลและระมัดระวังเอาใจใส่

อันอันกำลังพิงอยู่ด้านข้างของน่าวน่าว  และกำลังเงยหน้ากินผลไม้ป่าอย่างเบิกบานใจมีความสุข

ซาลาเปาน้อยพับแขนเสื้อขึ้นนั่งอยู่ข้างๆ  กำลังนับจำนวนผลไม้ป่าอย่างระมัดระวังรอบคอบ  และเกี๊ยวน้อยก็กำลังทำหน้ามุ่ยด้วยความโกรธเคือง  บ่นตำหนิว่ากล่าวใส่น่าวน่าวขึ้นว่า

“ลู่หรง  ต่อไปมิให้เจ้าซุกซนมากเช่นนี้อีกแล้วนะ  สกปรกเลอะเทอะไปหมดทั้งตัวแล้ว  อีกซักครู่จะไปหาท่านปู่หมิงอย่างไรล่ะ?”

น่าวน่าวมิยินยอม  ปล่อยให้หนานหว่านเยียนคอยเช็ดหน้าตามสะดวก  พูดเถียงขึ้นด้วยน้ำเสียงยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนมว่า  “ฮิฮิฮิ  ท่านปู่หมิงเป็นผู้ใหญ่ใจดีออกฮะ  จะไม่ดุด่ารังเกียจข้าอย่างแน่นอนฮะ!”

“พี่สาวก็แบบนี้แหละฮะ  ต้องการสั่งสอนข้านะเอง!  ฮึ!”

หนานหว่านเยียนและเฟิงยางรู้สึกหัวเราะมิออกร่ำไห้มิได้  คำพูดของเด็กน้อยวาจาอันใสซื่อไร้เดียงสา  ชะล้างความไม่สงบทั้งมวลไปจนหมดสิ้นแล้ว  เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องการลอบสังหารขึ้นมาก่อนก็ปาน

เกี๊ยวน้อยเห็นโม่เหยียนรุดมาแล้ว  นางแอบลอบเหลียวมองไป  หลังจากถูกโม่เหยียนพบเห็นแล้ว  นางก็เบือนหน้าหันไปทำท่าคล้ายโมโหขึ้นมาทันที  ส่งเสียงสั่งสอนน่าวน่าวขึ้นมาต่อไป

โม่เหยียนมองดูทุกอย่างเหมือนเช่นตามปกติ  ภายในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นวูบ  ประกายสายตาอ่อนโยนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

นางกลับช่วยเขาปิดบังไว้แล้ว  ผลปรากฏว่ามิได้เสียเปล่าที่รักใคร่เอ็นดูบุตรสาวแก้วตาดวงใจแสนรักแสนหวงผู้นี้

นึกถึงตรงนี้  เขาแสร้งเป็นก้าวย่างเดินอย่างเรื่อยๆ สบายใจ  มุ่งหน้าตรงเข้าไปหาพวกเขา

“ซื่อือทั้งสองยังเยาว์วัยชอบเล่นสนุกนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว  วันนี้จวิ้นจู่ก็เหน็ดเหนื่อยแล้วเช่นกัน  มิสู้นั่งลงพักผ่อนสักครู่เถอะ”

เมื่อได้ยินเสียงของโม่เหยียน  น่าวน่าวก็สดชื่นกระตือรือร้นขึ้นมาแล้วทันใด  มองไปทางเขาด้วยสองตาที่เป็นประกาย  “คุณชายโม่เหยียนฮะ!”

อันอันก็รีบกลืนผลไม้ภายในปาก  ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดกับโม่เหยียนว่า  “คุณชายโม่เหยียนฮะ  ท่านรู้สึกว่า  เป็นอย่างไรบ้างแล้วฮะ?”

“ข้าหาเป็นไรไม่  ซื่อือทั้งสองมิต้องกังวลใจ”  โม่เหยียนยิ้มพลางลูบๆ ศีรษะของทารกน้อยทั้งสอง

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วมองดูเขาพูดว่า  “อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี  ไฉนไม่พักผ่อนอยู่ในบนรถม้าล่ะ?”

โม่เหยียนมองดูเกี๊ยวน้อยแล้วคราหนึ่ง  แม่หนูน้อยไม่ได้มองดูเขา  เขายกยิ้มที่มุมปากพูดขึ้นว่า  “เมื่อครู่นี้อานผิงจวิ้นจู่บอกกับข้าน้อยว่าผลไม้ป่าในสถานที่แห่งนี้รสชาติอร่อยอย่างยิ่ง  ข้าน้อยก็เลยคิดจะทดลองชิมดู”

หนานหว่านเยียนมองไปทางเกี๊ยวน้อยอย่างสงสัย  เกี๊ยวน้อยสีหน้าแดงก่ำพลางกระโดดหนีออกทันที  “ข้าหาได้พูดสักหน่อย!”

“ข้า...ข้าเพียงแค่ไปเยี่ยมดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว  กล่าวถึงที่สุดหากมิใช่เนื่องเพราะข้าแล้ว  เขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน……”

นางพูดกระปอดกระแปดเสียงค่อย  โม่เหยียนกลับยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน

“วิทยายุทธ์ของจวิ้นจู่มีความรุดหน้าแล้ว  เพียงแต่อายุยังน้อย  ขาดพละกำลังความแข็งแกร่งอยู่บ้าง  รอให้จวิ้นจู่เติบโตมากขึ้นอีกหน่อย  ก็สามารถจัดการกับเหล่ามือสังหารในวันนี้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว”

โม่เหยียนยิ่งกล่าวเช่นนี้  สีหน้าของเกี๊ยวน้อยก็ยิ่งแดงแล้ว  ฉวยโอกาสวิ่งรวดเดียวไปยังอีกด้านหนึ่งแล้ว  เฟิงยางเกรงว่านางจะสะดุดหกล้ม  จึงรีบเร่งติดตามไปแล้ว

หนานหว่านเยียนมองดูเกี๊ยวน้อยแล้วคราหนึ่ง  นางอดที่จะเม้มปากขึ้นมาไม่ได้

สองพี่น้องตกลงเห็นพ้องทันที  พยักหน้าอย่างเงียบงัน  เริ่มทำปากจนแก้มตุ่ยพลางเป่าใส่ตรงบริเวณบาดแผลของโม่เหยียน

น่าวน่าวออกแรงเป่าอย่างจริงจังยิ่งนัก  ใบหน้าน้อยๆ ที่ขาวราวหิมะเบ่งจนแดงก่ำไปทั่วแล้ว  เหมือนกับแม้แต่แรงดูดนมมารดาก็ยังใช้ออกแล้ว  “คุณชายโม่เหยียนมิต้องกลัว  ความเจ็บปวด  สลายตัวจากไปแล้วฮะ!”

การกระทำของสองเด็กน้อยทำให้หนานหว่านเยียนและซาลาเปาน้อยส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา  โม่เหยียนมองดูพวกเขาอย่างลึกซึ้ง  รู้สึกซาบซึ้งหวั่นไหวจนสุดที่จะพรรณนา

ยังจำได้ว่าในอดีต  พวกบุตรสาวก็เคยพูดลักษณะนี้กับเขาเช่นกัน  ตอนนี้เปลี่ยนเป็นบุตรชายก็มีความรู้สึกไปอีกแบบหนึ่ง

สถานที่ไม่ไกลนัก  เกี๊ยวน้อยมองดูการกระทำของอันอันและน่าวน่าวแล้ว  เตะก้อนหินบนพื้นอย่างรู้สึกทระนงอยู่บ้างบ่นกระปอดกระแปดว่า

“สนัขป่าตาขาวน้อยทัังสองตัว  เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าแบกพวกเขาไว้บนหลังวิ่งไปตลอดทั่วทั้งป่านั้น  ไฉนมิเห็นพวกเขารู้สึกห่วงใยเอาใจใส่ข้าพี่สาวคนนี้เลยเล่า”

เฟิงยางมิสามารถกลั้นหัวเราะไว้ได้  ภายในใจกลับรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าจวิ้นจู่จะพูดเช่นนั้นก็ตาม  แต่ครั้งนี้นางมิได้ขัดขวางห้ามซื่อือทั้งสองใกล้ชิดกับโม่เหยียนอีก  ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะมีการคลี่คลายประนีประนอมแล้ว

โม่เหยียนเล่าเรื่องตลกส่วนหนึ่งให้เด็กน้อยทั้งสองฟังทำให้พวกเขาเบิกบานใจมีความสุข  ทันใดนั้นก็มีทหารองครักษ์สองคนรุดมา  ยื่นผลไม้ป่าลูกใหญ่หลายผลในมือให้เขา  “คุณชายโม่เหยียน  ผลไม้นี้มอบให้แก่ท่าน”

โม่เหยียนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อย  สีหน้าทหารองครักษ์ลำบากใจใช้มือปิดบังใบหน้าไว้  พูดเสียงเบาๆ ว่า  “อานผิงจวิ้นจู่สั่งให้พวกข้าคัดผลไม้ใหญ่ที่สุดรสชาติหวานที่สุดส่วนหนึ่ง  นำมาส่งให้ท่านขอรับ”

“นางมิให้พวกข้าบอกท่านกับพวกองค์หญิงและซื่อือจวิ้นจู่หลายคน  และโปรดอย่าพูดว่าพวกข้าแพร่งพรายเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเชียวนะขอรับ……”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้