ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 902

หนานหว่านเยียนเมามายด้วยฤทธิ์สุราอย่างรุนแรง  บนร่างกลับรู้สึกเหมือนดั่งถูกหินก้อนใหญ่มหึมาหนักนับพันชั่งกดทับอยู่  ทำให้นางแทบหายใจมิออก

นางรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง  ยื่นมือผลักออกไปโดยสัญชาตญาณ  โม่เหยียนใช้มือข้างหนึ่งมือคว้าข้อมืออ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของหนานหว่านเยียนไว้หมับ  กดเอาไว้ตรงหัวเตียง  มืออีกข้างหนึ่งโอบรอบเอวอ้อนแอ้นบอบบางของนางเอาไว้  ไม่สามารถหยุดลงแม้แต่สักครู่เดียว

เขาไม่เคยใกล้ชิดกับนางนานเกินไปแล้ว  เมื่อเขาได้สัมผัสนางจึงไม่สามารถควบคุมได้  เขารู้สึกจวนจะสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิงแล้ว  ตลอดจนเริ่มไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาแล้ว……

แต่ในช่วงเสี้ยวเวลาสุดสำคัญนี้เอง  ประตูใหญ่ของตำหนักสีเยว่ก็ถูกคนผลักออกอย่างกะทันหัน

เกี๊ยวน้อยที่สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพิ่งจะก้าวเข้ามาได้ครึ่งก้าว  เงยหน้าขึ้นก็เห็นโม่เหยียนกำลังทับอยู่บนร่างหนานหว่านเยียน

นางสีหน้าแปรเปลี่ยน  ยกมือปิดปากร้องโพล่งตกใจออกมาทันใด  “อา——”

เกี๊ยวน้อยเองก็หาได้มีเจตนาต้องการขัดจังหวะสถานการณ์ดังกล่าวไม่  เพียงแต่วันนี้หลังจากพวกเขาหลายคนกลับถึงพระราชวังก่อนแล้ว  เย่เชียนเฟิงก็ได้รุดไปหาพวกเขาที่ตำหนักจานกุ้ย

เพียงแต่ตอนนั้นนางนอนหลับแล้ว  เย่เชียนเฟิงสีหน้าเคร่งเครียดตื่นเต้น  พูดว่าไม่เห็นท่านแม่ในตำหนักสีเยว่  และก็ได้ยินเรื่องที่พวกเขาประสบกับการลอบสังหารแล้วเช่นกัน  จึงได้รีบเร่งรุดมาเยี่ยมเยียนพวกเขาหลายคน  ยังได้จัดเตรียมวัสดุโอสถและสิ่งของบำรุงให้ท่านแม่มากมายอย่างยิ่ง

นางเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ แล้วเที่ยวหนึ่ง  หลังจากนั้นก็มีคนบอกว่าท่านแม่กลับมาแล้ว  เย่เชียนเฟิงจึงขอให้นางพาเขารุดมาเยี่ยมท่านแม่

นางทราบว่าเย่เชียนเฟิงดีต่อท่านแม่อย่างยิ่ง  ตนเองก็ยังนับได้ว่าชื่นชอบเขาเช่นกัน  เรื่องนี้มิอาจไม่ช่วยเหลืออยู่แล้ว  จึงตบอกอย่างเชื่อมั่นนำเย่เชียนเฟิงรุดมาแล้ว

ผู้ใดจะไปทราบว่า  เพิ่งจะเข้ามาก็พบกับภาพฉากนี้ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับผู้เยาว์

เกี๊ยวน้อยรีบเร่งเข้าไปภายในตำหนัก  แง้มประตูทิ้งไว้เหลือเพียงช่องเล็กๆ เท่านั้น  ดวงตาสีเข้มของเย่เชียนเฟิงจ้องมองเขม็งอย่างงวยงงสับสนอยู่ตรงนอกประตู

ใบหน้าขาวน้อยๆ ของเกี๊ยวน้อยยังคงมีเค้าความตระหนกตกใจวูบอยู่  “ต้องขออภัยด้วยนะท่านอาเชียนเฟิง  ขอให้ท่านรอคอยอีกสักครู่ที่ด้านนอก  ท่านแม่นางกำลัง……”

“ถึงอย่างไรก็ไม่ค่อยสะดวกนักที่ให้ท่านเข้ามาก็แล้วกัน”

นางยังมิทันรอให้เย่เชียนเฟิงพูดตอบ  ก็ปิดประตูตำหนักลงแล้วอย่างคล่องแคล่วว่องไว  หน้านิ่วคิ้วขมวดเดินตรงเข้าไปหาโม่เหยียน

“เจ้ากำลังทำอะไร!”  เกี๊ยวน้อยตรวจสอบไต่ถามความผิดด้วยท่าทางดุร้ายเอาเรื่องขึ้นมา

เสียงของเกี๊ยวน้อยเมื่อครู่นี้  กระตุ้นให้สติสัมปชัญญะของโม่เหยียนกลับคืนมาแล้วโดยตรง  เขาตั้งสติขึ้นมาได้แล้วทันที  รีบเร่งจัดแจงเสื้อผ้าของหนานหว่านเยียนซึ่งที่ถูกตนทำจนยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยแล้ว

โม่เหยียนเสแสร้งทำสีหน้าเป็นปกติพลิกตัวนั่งอยู่บนขอบเตียง  มองดูบุตรสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดูอ่อนโยน  อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบๆ ศีรษะของนางพูดว่า  “ท่านแม่เจ้าเจ็บปวดที่ขา  ข้าจึงช่วยบีบนวดคลายปวดให้นางน่ะ”

บีบนวดคลายปวดเรอะ?

จะโกหกใครกันเล่า!

ทว่านางก็ปล่อยให้มือของโม่เหยียนหยุดอยู่บนศีรษะนางไม่นานนักเช่นกัน  ก็เร่งรีบเอามือออกไป  “อย่าได้ลูบแล้วล่ะ!  ท่านแม่บอกว่าทำเช่นนี้โตขึ้นจะไม่สูงหรอกนะ!”

“ตอนนี้ข้าเป็นเด็กโตแล้ว  ไม่เหมือนกับตอนยังเป็นเด็กเล็กเช่นนั้นแล้ว  หากท่านชื่นชอบลูบหัว  ก็จงไปลูบศีรษะของอันอันและน่าวน่าวสิ  เจ้าลิงน้อยทั้งสองนั้นพวกเขาแทบมิสามารถทนรอได้แล้วด้วยซ้ำที่จะให้ท่านรุดไปเยี่ยมดูพวกเขา!”

คำพูดนี้พูดอย่างหงุดหงิดแง่งอน  เมื่ออยู่ในสายตาของโม่เหยียนแล้ว  เขาอดที่จะรู้สึกปิติยินดีมีความสุขในโชควาสนามากยิ่งขึ้นไม่ได้

“เอาล่ะ ไม่ลูบหัวเจ้าแล้ว”  เขาพูดตอบเสียงเบาๆ  ทันใดนั้นเขานึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้  จึงเลิกคิ้วขึ้นหันมองไปยังทิศทางของประตูตำหนักคราหนึ่ง  “เจ้ามาหาท่านแม่ของเจ้า  เพราะเรื่องอะไรหรือ?”

“เมื่อครู่นี้ข้าเห็นเจ้ารีบร้อนปิดประตูลง  แล้วดูเหมือนว่ายังพูดจาอะไรกับคนที่อยู่ข้างนอกด้วย  ผู้ใดรุดมาแล้วหรือ?”

หากเป็นเฟิงยางละก็  ยามนี้จะต้องถลันเข้ามาแล้วอย่างแน่นอนด้วยความสงสัย

ได้ยินโม่เหยียนถามเช่นนี้  เกี๊ยวน้อยก้มหน้าลงอย่างสองจิตสองใจไร้ความเชื่อมั่นทันใด

นางบิดแขนเสื้อไปพลางใจเต้นรัวโครมครามราวกับตีกลอง

หมดกันจบสิ้นแล้ว  นางนำบุรุษอื่นรุดมายังตำหนักบรรทมของท่านแม่  และยังถูกบิดาบังเกิดเกล้าของตนเองจับได้คาหนังคาเขาอีกด้วย

หากนางพูดให้ฟังแล้ว  บิดาบังเกิดเกล้าไยมิใช่ต้องหึงหวงแทบตายแล้วหรอกหรือเนี่ย?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้