ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 907

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น  พลันมือที่เคลื่อนไหวอยู่ของหนานหว่านเยียนก็หยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง  หันหน้ามองไปทางเกี๊ยวน้อยอย่างเหลือเชื่อ  บนใบหน้าอันงดงามปรากฏความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ  เป็นไปได้หรือไม่ว่าโม่เหยียนเพิ่งมาได้สองวัน  ก็สามารถสยบแม่หนูน้อยที่ไม่เป็นมิตรกับเขามากมายอย่างใหญ่หลวงจนศิโรราบลงแล้ว?

ควรทราบว่า  เกี๊ยวน้อยนั้นชื่นชอบเย่เชียนเฟิงเป็นอย่างยิ่ง  เวลานี้นางกลับนำโม่เหยียนมาเปรียบเทียบกับเย่เชียนเฟิงแล้ว!

แต่คำถามของบุตรสาวนางก็มิอาจไม่ตอบเช่นกัน

“แม่นะหรือ  ผู้ใดก็ล้วนไม่ชื่นชอบทั้งสิ้น  ชื่นชอบแต่เพียงพวกเจ้าปีศาจซุกซนทั้งสี่คนนี่แหละ”

นางบิดติ่งหูของเกี๊ยวน้อยอย่างเคร่งครัดจริงจังคราหนึ่ง  เสแสร้งกล่าวติเตียนขึ้นว่า  “เจ้านี่น่ะ  มีเวลาว่างนักมาวิจารณ์ซุบซิบเรื่องของแม่เช่นนี้  ยังมิสู้ใส่ใจศึกษาเล่าเรียนตำรับตำราให้มากขึ้นอีกหน่อย  อย่าได้คะแนนเต็มในวรยุทธ์ศิลปะการต่อสู้ทุกครั้ง  ที่เหลือล้วนได้ไข่เป็ดใบใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้น”

เกี๊ยวน้อยแลบๆ ลิ้น  เกาหัวอย่างเคอะเขินอยู่บ้างเล็กน้อย  บ่นกระปอดกระแปดเสียงเบาขึ้นมาว่า  “ท่านแม่ก็มิใช่ว่าจะไม่ทราบว่า  ข้านั้นสติปัญญาทึ่มทื่อมิเฉียบแหลม  ก็เหมือนเช่นเดียวกับน่าวน่าว  ย่อมมิสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วเหมือนอย่างน้องสาวและอันอันหรอกนะ”

“นอกจากนี้ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นเด็กโตแล้ว  ท่านแม่กำชับให้ข้าตั้งใจศึกษาเล่าเรียน  ยังมิสู้คอยกวดขันควบคุมน่าวน่าวมากขึ้นอีกหน่อย  อย่าปล่อยให้ซุกซนอยู่ตลอดทั้งวัน  ทำให้ทุกคนต่างล้วนต้องรู้สึกห่วงใยกังวลใจ”

หนานหว่านเยียนมองดูบุตรสาวคนโตอย่างหัวร่อมิออกร่ำไห้มิได้  พวกพี่สาวน้องชายก็มักจะชื่นชอบชิงดีชิงเด่นเช่นนี้เอง  การอบรมสั่งสอนฝึกวินัยน้องชายจะต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ

ภายในดวงตานางเต็มเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดูอ่อนโยน  “ได้สิ  แม่จะไม่ว่าเจ้าแล้ว  อีกสักครู่ก็จะไปตรวจดูผลการศึกษาเล่าเรียนของน่าวน่าว”

เกี๊ยวน้อยได้ยินเช่นนี้จึงได้รู้สึกยินดีขึ้นมาบ้างแล้ว  นั่งอยู่บนเก้าอี้คอยแกว่งเท้าน้อยๆ ไปมา  ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้  จึงหันมาถามนางอย่างระมัดระวังคำหนึ่ง

“แต่ว่าท่านแม่  เวลานี้ท่านยังรู้สึกขุ่นข้องชิงชังท่านพ่อสารเลวอย่างยิ่งใช่หรือไม่  ถูกเขาทำร้ายจิตใจเกิดทุกข์อย่างแสนสาหัสแล้ว  ดังนั้นจึงมิชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นผู้ใดแล้วใช่หรือไม่ล่ะ?”

ถามคำพูดนี้จบลง  นางกุมนิ้วมือแน่นขึ้นมาแล้วอย่างตื่นเต้นอยู่บ้างด้วยความคาดหวัง  รอคอยปฏิกิริยาคำตอบของหนานหว่านเยียน

และหนานหว่านเยียนได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว  พลันสีหน้านางก็เย็นชาลงทันใด  ไม่สามารถยิ้มออกมาได้แล้วชั่วขณะหนึ่ง

กู้โม่หานช่างมีผลกระทบกระเทือนต่อนางอย่างใหญ่หลวงมากจริงๆ!

เกี๊ยวน้อยเห็นเช่นนั้น  ใบหน้าน้อยๆ ก็อดที่จะเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน  นางมั่นใจต่อการเดาของตนมากยิ่งขึ้นแล้ว  ต้องแอบลอบปาดเหงื่อแทนโม่เหยียนคราหนึ่งในใจอย่างเงียบๆ

ปรากฏว่าท่านแม่ยังคงขุ่นข้องเกลียดชังท่านพ่อสารเลวอยู่  เช่นนั้นนางจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวด  ปิดบังศักดิ์ฐานะของท่านพ่อสารเลวให้ดีๆ แล้วจึงจะใช้ได้……

หนานหว่านเยียนมิต้องการแสดงความเคียดแค้นเกลียดชังและโกรธเคืองตัดพ้อกู้โม่หานต่อหน้าลูก  ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ  แต่เขานั้นก็คือบิดาของลูกด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังเป็นบิดาที่ดีต่อลูกๆ อย่างยิ่งอีกด้วย

นางซ่อนเร้นเก็บอารมณ์เป็นอย่างดีแล้ว  จึงลูบๆ หัวของแม่หนูน้อยและพูดว่า  “ไฉนจู่ๆ เจ้าจึงเอ่ยถึงเขาขึ้นมาแล้วล่ะ  หรือว่าเจ้าคิดถึงท่านพ่อแล้ว?”

เกี๊ยวน้อยขมวดคิ้วขึ้นอย่างอึดอัดลำบากใจ  มิทราบว่าควรจะตอบอย่างใด  ได้แต่ส่ายหน้าพูดว่า  “นั่นกลับมิใช่เช่นกัน……”

ที่สำคัญคือตอนนี้ท่านพ่ออยู่เบื้องหน้าพวกเขานี่เอง  นางมิอาจไม่ถามมากขึ้นอีกสักหลายคำ  เพื่อจะได้ช่วยพูดจาเลียบเคียงแทนเขานั่นเอง

แต่ในสายตาของหนานหว่านเยียนแล้ว  ลักษณะท่าทางที่เหมือนมิใส่ใจเช่นนี้  เกี๊ยวน้อยคงเกรงว่าจะทำให้นางไม่เบิกบานใจจึงได้แสดงออกมาเพื่อปลอบประโลมนาง

พลันหนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้นอย่างทั้งตำหนิตัวเองและดิ้นรน  จ้องมองดูเกี๊ยวน้อยเขม็งโดยมิกระพริบตา  รู้สึกว่าตนเองมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกู้โม่หานจะพังทลายลงแต่แรกเนิ่นนานแล้ว  นางนำลูกๆ ที่ตนเลี้ยงดูจนเติบโตกับมือจากไป  ซึ่งสมเหตุสมผล็อย่างแน่นอน  แต่ก็เท่ากับว่านางได้พรากจากความรักของบิดาซึ่งพวกเด็กๆ สมควรได้รับไปด้วยแล้วเช่นกัน

นางพูดเสียงเบากับเกี๊ยวน้อยคล้ายดั่งปลอบประโลมใจว่า  “แต่หากพวกเจ้าต้องการไปพบเขา  ข้าสามารถมอบหมายให้เฟิงยางและหยุนเหิงลอบปกป้องคุ้มครองส่งพวกเจ้ารุดไปอย่างลับๆ  ให้พวกเจ้าเดินทางไปถึงข้างกายเขา  พบหน้ากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

เกี๊ยวน้อยจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างตระหนกตกใจ  เม้มปากอย่างกะทันหัน  สีหน้าแววตาสลับซับซ้อน

นางทราบว่าให้พวกเขากลับไปพบกับท่านพ่อสารเลว  นี่มิใช่คำพูดที่เหลวไหลไร้สาระอย่างเด็ดขาด  ท่านแม่พูดอย่างจริงจัง

นางโบกไม้โบกมืออย่างรวดเร็ว  เสแสร้งทำเป็นโกรธเคืองทำหน้ามุ่ยพูดว่า  “ล้อเล่นอะไรกัน!  ข้าหาได้ต้องการเขาไม่  ไม่ต้องการไม่ต้องการ  ไม่ต้องการเลยแม้แต่น้อยนิด!”

นางโผร่างเข้ากอดหนานหว่านเยียนเอาไว้หมับ  ซุกตัวไปมาอย่างออดอ้อนพูดว่า  “ข้านะหรือ  ข้ามีความสุขเบิกบานหรรษาที่ได้อยู่เคียงข้างท่านแม่นี่แหละ  ทุกวันขอให้ได้อยู่เป็นเพื่อนกับท่านแม่  ผู้ใดต้องการจะไปพบเจ้าตัววายร้ายสารเลวใหญ่ผู้นั้นกันเล่า!”

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ  คนผู้นั้นเวลานี้อยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว  นางและบรรดาน้องชายน้องสาวกลับไป  เพื่อไปดูความเวิ้งว้าวว่างเปล่านะหรือ?

หรือว่ากลับไปดูท่านอาเฉิงอ๋องที่ไม่เอาถ่านคนนั้นล่ะ……

หนานหว่านเยียนกอดเกี๊ยวน้อยไว้อย่างปลอบประโลมใจและอบอุ่น  ด้วยจิตใจที่หวั่นไหว  “ประเสริฐ  ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องพบ”

ทันใดนั้นเกี๊ยวน้อยรู้สึกสะท้อนใจอยู่บ้าง  ดูจากทัศนคติตอนนี้ของหนานหว่านเยียนที่มีต่อใครบางคนแล้ว  เขาคิดต้องการได้หัวใจของท่านแม่กลับคืนมาใหม่  นั่นก็คือการขึ้นภูเขาดาบลงมหาสมุทรเปลวเพลิงดีๆ นี่เอง  ช่างยากลำบากแสนเข็ญเป็นเท่าทวีคูณเลยทีเดียว!

ได้เพียงหวังว่าท่านพ่อสารเลวอย่าได้เปิดเผยศักดิ์ฐานะรวดเร็วมากเช่นนั้นอย่างเด็ดขาดก็แล้วกัน  มิฉะนั้นแล้ว  แม้แต่นางเองก็ไม่มีปัญญาช่วยเหลือแล้วเช่นกัน  เขาได้แต่รอให้ท่านแม่ตัดเฉือนร่างกายออกเป็นชิ้นๆ ตามอำเภอใจแล้วกระมัง……

อย่างไรก็ตามมารดาและบุตรสาวสองคนไม่ทราบแม้แต่น้อยว่า  ในเวลานี้ภายนอกตำหนักสีเยว่  เงาร่างสีดำสายหนึ่งผนึกค้างแข็งทื่อไปตลอดทั้งตัว  มือที่ถืออาหารเช้ากำลังสั่นเทาอย่างมิสามารถควบคุมได้  ด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานร้าวรานใจ

ที่แท้แม้ว่าเขากำลังใกล้สิ้นใจตายแล้ว  นางก็ไม่ยินยอมไปพบหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน……

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้