สนมอี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมองกุ้ยไท่เฟยอย่างไม่พอใจ ขณะที่กุ้ยไท่เฟยก็มองนางด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
สนมอี้กัดฟันกล่าว “เสี่ยวชี เจ้าออกไปก่อน”
เมื่อองค์ชายเจ็ดเห็นสีหน้าของมารดา เขาจึงต้องจำใจเดินออกไป
สนมอี้กำหมัดแน่นก่อนตวาดเสียงดัง “ข้ารู้แผนการของท่านแล้ว ครั้งนี้ท่านกำลังพยายามบีบบังคับให้เสี่ยวชีกบฏต่อบัลลังก์และองค์จักรพรรดิ ฝันไปเถิด”
กุ้ยไท่เฟยมองอีกฝ่ายพลางกล่าวอย่างใจเย็น “สนม เหตุใดเจ้าถึงมองโลกในแง่ร้ายเกินไปเล่า? เจ้าไม่ต้องการให้ข้าทำสำเร็จรึ?”
“ทำสำเร็จงั้นรึ? หากท่านช่วยเสี่ยวชีให้สมหวังแล้ว ท่านจะต้องกำจัดข้าอย่างแน่นอน” สนมอี้เยาะเย้ย “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่ คราวนี้ท่านต้องเจอศึกหนัก หากชนะ ข้าก็ไม่ได้รับประโยชน์อันใด แต่หากแพ้ ท่านก็จะควบคุมองค์ชายเจ็ดเอาไว้เพื่อปกป้องชีวิตตนเอง ซึ่งข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่”
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิดลง แสงเพียงเล็กน้อยที่ส่องผ่านหน้าต่างไม่อาจทำให้ทั้งห้องสว่างไสวได้
กุ้ยไท่เฟยนำหินเหล็กไฟออกมาจุดเทียนในห้องโถง ขณะที่สายลมอ่อนพัดเข้ามาภายในห้อง ไม่นานแสงเทียนก็ส่องสว่าง แสงไฟส่องกระทบใบหน้าอันมืดมนของกุ้ยไท่เฟย
“ฉูเสี่ยวเฉียว!” กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างช้า ๆ “ข้าเป็นคนพาเจ้าออกจากเซียนเปยมายังแผ่นดินต้าโจว ชุบเลี้ยงเจ้าจากเด็กผู้หญิงในหอฉิน จนกลายเป็นสนมที่มีแต่คนนับหน้าถือตาอย่างทุกวันนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่วางแผนปกป้องตนเองในตอนที่เจ้าคิดทรยศงั้นรึ?”
สนมอี้ตกตะลึง “ท่านจะทำอะไรกับข้า? ท่านจะวางยาพิษข้ารึ?”
“เหตุใดท่านถึงทำเช่นนั้น?” สนมอี้อุทานอย่างบ้าคลั่ง ปีศาจกระหายเลือด? ลูกของนางเป็นเชื้อสายของปีศาจกระหายเลือดงั้นรึ? นางคิดเสมอว่าแม้ตนจะมีรากเหง้าต่ำต้อย ทว่าบุตรชายยังมีชาติกำเนิดสูงส่ง ทั้งยังมีตำแหน่งองค์ชายและองค์รัชทายาท
“ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากองค์ชายเจ็ดอายุสามขวบ ข้าได้ลอบสั่งให้ซุนฟางเอ๋อร์ ใช้เล่ห์กลควบคุมความคิดของเขา ส่วนสาเหตุที่ข้าต้องทำเช่นนั้น เจ้าไม่รู้จริง ๆ รึ? เจ้ารู้เรื่องของข้ามากเกินไป ดังนั้นหากเจ้าตั้งตัวเป็นศัตรู เจ้าคิดว่าข้าจะไม่มีหลักประกันไว้ป้องกันตัวหรือ? ลูกชายของเจ้าคืออาวุธที่ข้าใช้ในการต่อรองกับเจ้า หากไม่เชื่อฟัง ข้าก็สามารถบงการให้เขาฆ่าเจ้าได้” กุ้ยไท่เฟยกล่าวคำเบา เมื่อสนมอี้ได้ยินเช่นนั้น นางก็กรีดร้องเสียงดังกึกก้องราวกับสายฟ้าฟาดด้วยความตกใจ
นางคิดว่าตนฉลาดมาเสมอ ดังนั้นจึงคิดว่าแม้กุ้ยไท่เฟยจะโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ แต่นางก็ยังตามแผนการของอีกฝ่ายได้ทัน เพราะคิดว่าตนรู้เรื่องราวในชีวิตของอีกฝ่ายมากพอ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนผูกเชือกผูกมัดตนเองไว้นานแล้ว และเชือกเส้นนี้ก็จะผูกมัดนางไว้ตลอดกาล
นางล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้พร้อมส่ายหน้า “โกหก ท่านโกหกข้า”
“ข้าโกหกเจ้า” กุ้ยไท่เฟยกล่าวพลางถอดปิ่นปักผมและหยิบเชิงเทียนขึ้นมา แสงไฟส่องสว่างทำให้เห็นความเย็นชาและความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน “ดังนั้นเจ้าสามารถร่วมมือกับอ๋องเยี่ยได้ตามต้องการ ส่วนพ่อขององค์ชายเจ็ดคือผู้ฝึกสอนทหารผู้กล้าของข้า หากยืนอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิแล้ว เขาย่อมรู้ได้ว่าใครคือพ่อที่แท้จริงขององค์ชายเจ็ด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...