“ใครใช่ให้เจ้าโง่เองเล่า? ใช่ว่าเจ้าไม่เคยทำอะไรแบบนี้เสียหน่อย เคยเห็นเจ้าฉลาดกว่านี้ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะสับสนในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ แต่เอาเถอะ เจ้าช่วยให้สนมเหมยสามารถล่อชายาอ๋องเจ็ดออกไปได้ นี่ถือเป็นความดีความชอบ หากเจ้าหาทางลักลอบออกไปได้ จงไปพบกุ้ยไท่เฟย แล้วอยู่รับใช้นางเสีย”
“ได้ ได้ ว่าแต่กุ้ยไท่เฟยอยู่ที่ไหนหรือ?” หลิงลี่ถาม
“เจ้าออกจากวังแล้วไปหาใต้เท้าหลิน จากนั้นใต้เท้าหลินจะสั่งให้ใครสักคนพาเจ้าไปที่นั่น”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้าค่ะกงกง!” หลิงลี่กล่าวขอบคุณ
ชายคนนั้นหันหลังเดินจากไป ขณะที่เดินกลับ หลิงลี่เห็นชายคนหนึ่งปีนผ่านยอดไม้อย่างรวดเร็ว จึงติดตามเขาไป
หลิงลี่กลับไปรายงานต่ออ๋องเยี่ย อ๋องเยี่ยยิ้มเยาะ “ใต้เท้าหลินคนนี้ หลานสาวของเขาได้แต่งงานกับอ๋องเหลียงหลังจากที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขาจึงอาศัยประโยชน์จากโอกาสนี้เข้ารับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนาง แต่กระนั้นเขากลับยังคิดคดไม่ซื่อตรง สมรู้ร่วมคิดทำชั่ว เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ!” หลิงลี่หันหลังกลับและจากไป
สนมเหมยกล่าว “ในเมื่อเรารู้แล้วว่าบุคคลนั้นเป็นสายลับของกุ้ยไท่เฟย เหตุใดจึงไม่จับตัวเขาไปเล่า?"
“เจ้าจะให้ข้าจับตัวเขาไปทำอะไร? ให้ข้าจับตัวลูกสมุนตัวเล็กตัวน้อยเนี่ยนะ? มันจะมีประโยชน์อย่างไรกัน?” อ๋องเยี่ยคลี่ยิ้มบาง ๆ
จื่ออันและสนมเหมยขึ้นไปบนภูเขาด้วยกัน นางไม่เคยไปวัดเจิ้งกั๋ว จึงไม่รู้ว่าทางขึ้นเขานั้นไกลมาก ขณะที่เดินอยู่นั้นนางกับสนมเหมยก็เริ่มหลงทาง
โชคดีที่มีนายพรานคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น สนมเหมยจึงรีบเรียกเขาไว้ และให้เงินเขาเพื่อว่าจ้างให้นำทางไปยังวัดเจิ้งกั๋ว
เมื่อพวกนางไปถึงกลางภูเขา จื่ออันก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะยิ่งพวกนางเดินไปไกลเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใกล้ป่าทึบมากขึ้นเท่านั้น ทว่านายพรานกล่าวว่านี่เป็นทางลัดในการขึ้นสู่ยอดเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงเทือกเขาและพักผ่อนได้สักพัก นางก็เห็นควันหนาทึบลอยออกมาจากป่า แล้วลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว จื่ออันกรีดร้อง แต่ก็ยังสายเกินไป ควันหนาทึบปกคลุมร่างนาง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ และหมดสติไปในทันที
ทันใดนั้นดวงตาของนางก็สว่างขึ้น ก่อนที่จะเห็นว่าใครเข้ามา คบเพลิงก็สาดแสงเข้ามาส่องสว่างไปทั่วห้องลับ
ดวงตาของจื่ออันที่ตกอยู่ในความมืดมาเป็นเวลานาน ไม่อาจสู้แสงสว่างที่จู่ ๆ ก็สาดเข้าตานางได้ จึงรีบหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป
จากนั้นร่างตรงหน้าก็ปรากฏให้เห็น จื่ออันยกริมฝีปากขึ้น “ที่แท้ก็เป็นมารดาพระสวามีของข้านี่เอง”
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าจื่ออันคือกุ้ยไท่เฟย ซึ่งหลบหนีหัวซุกหัวซุนหลังจากการพยายามลอบสังหารล้มเหลว
นางยังคงสวมชุดประจำตำแหน่งไท่เฟย ปลายแขนกว้างซ้อนทับกันอยู่ด้านหน้า ปักลายสีทองที่ชายกระโปรง ทรงผมจัดแต่งอย่างประณีต สีหน้าสงบราบเรียบ หากแต่ความเกลียดชังในดวงตาไม่ฉายชัดจนเกินไป มาดนางในตอนนี้แทบไม่ต่างจากหวงไท่โฮ่ว
นางเยาะเย้ย “เซี่ยจื่ออัน ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...