อย่างไรก็ตาม อ๋องหนานหวายไม่คิดเช่นนั้น เขาเกรงว่าองค์จักรพรรดิจะเข้าใจผิดว่าตนสมรู้ร่วมคิดกับมู่หรงเจี๋ย -/-และเรื่องนี้จะต้องได้รับการสะสาง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเปิดโปงแผนการก่อกบฏของมู่หรงเจี๋ยต่อหน้าสาธารณชน
การร้องรำทำเพลงหยุดลงทันที
องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วช้า ๆ ขณะเผยสีหน้าเคร่งเครียด
ทุกคนในงานเลี้ยงล้วนจ้องมองอ๋องหนานหวายด้วยความประหลาดใจ อ๋องหนานหวายผู้นี้เสียสติไปแล้วรึ? เหตุใดถึงโผล่พรวดออกมาเช่นนี้?
เกิดอะไรขึ้น?
อ๋องหนานหวายคุกเข่าลงกับพื้นจนเกิดเสียงดัง โดยไม่รีรอให้องค์จักรพรรดิเอ่ยถาม จากนั้นกล่าวอย่างเศร้าใจว่า “ฝ่าบาท มู่หรงเจี๋ยคิดก่อกบฏ เขาลอบหนีกลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกองกำลัง และจะเข้าโจมตีพระองค์ในคืนนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีเขาเอ่ยคำเหล่านั้นออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงและเงียบไปทันใด
จื่ออันโมโหอย่างมาก นางจึงลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยความโกรธเคือง “อ๋องหนานหวาย ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านใส่ร้ายว่าเขาเป็นกบฏ ขณะที่เขากำลังทำงานรับใช้แผ่นดินของเรางั้นรึ?”
จื่ออันกระตือรือร้นที่จะปกป้องสามียิ่งนัก แม้นางจะไม่มีท่าทีสงบนิ่งอีกต่อไป แต่คนอื่น ๆ ก็คิดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่อภัยให้ได้ เนื่องจากท่านอ๋องนำกำลังทัพไปยังสนามรบเพื่อรับใช้ประเทศชาติและประชาชน ทว่ายังถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ดังนั้นในฐานะภรรยา ทุกคนจึงเข้าใจความโกรธของนาง
ถึงกระนั้นในสายตาของอ๋องหนานหวาย เขาเชื่อว่าจื่ออันมีความผิดเช่นกัน
เขาไม่สนใจจื่ออันแม้แต่น้อยและกล่าวต่อ “ฝ่าบาท เป็นเรื่องจริงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้มู่หรงเจี๋ยมายังจวนอ๋องหนานหวาย และพยายามลักพาตัวข้า แต่เคราะห์ดีที่อ๋องเหลียงรู้แผนการก่อกบฏของเขา จึงได้ร่วมมือกับกระหม่อมเพื่อวางแผนหลบหนี เมื่อเป็นเช่นนั้นกระหม่อมจึงสามารถมารายงานแผนการก่อกบฏของเขาต่อพระองค์ได้ ฝ่าบาทโปรดตัดสินพระทัย และรับสั่งให้จับกุมมู่หรงเจี๋ยโดยเร็วที่สุดเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าขององค์จักรพรรดิซีดเซียวทันใด “เจ้าบอกว่าคืนนี้เจ้าเห็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์งั้นรึ?”
“เป็นความจริงอย่างยิ่ง หากพระองค์ไม่เชื่อก็ตรัสถามอ๋องเหลียงได้พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องหนานหวายกล่าว
อ๋องหนานหวายหันมองแม่ทัพจางที่นั่งอยู่ข้างหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด อย่างไรก็ตามตอนนี้สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง ขณะที่สายตาไหวระริกราวกับกำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหา
องค์จักรพรรดิมองอ๋องเหลียงอีกครั้งพร้อมกล่าว “เหตุใดแม่ทัพจางถึงตอบเช่นนั้น? ข้าสั่งให้เจ้าไปไถ่ถามอาการป่วยของเขามิใช่หรือ?”
องค์จักรพรรดิสัมผัสได้ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากล เพราะเขามั่นใจว่าเมื่อใดก็ตามที่มีคำว่า ‘กบฏ’ เข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นหมายความว่าเรื่องนั้นจะต้องส่งผลกระทบถึงตนเสมอ ดังนั้นทุกวันนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลกับเหตุการณ์เช่นนี้
“กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกนำทหารองครักษ์ไปยังจวนอ๋องหนานหวายจริง แต่หลังจากเข้าไปได้ไม่นาน ชางชิวก็เดินเข้ามาและโค้งคำนับลูก เมื่อเป็นเช่นนั้นลูกจึงไม่ทันระวังตัว จู่ ๆ เขาก็เอามีดมาจ่อที่คอของลูกทันที และขณะที่ทหารของอ๋องหนานหวายและทหารองครักษ์ที่ลูกพามาเริ่มต่อสู้กันอยู่ข้างนอกจวน แม่ทัพจางก็นำกำลังพลเข้ามาตรวจสอบ และเมื่อเสด็จอาเห็นแม่ทัพจาง เสด็จอาก็บอกว่าตนอยากเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ แม้เสด็จอาจะพูดเช่นนั้น แต่ลูกก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาของเขาจ้องมององค์จักรพรรดิอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ปิดบังความรู้สึก ราวกับว่าไม่ได้โป้ปดและเมื่อกล่าวออก เขาก็จ้องมองอ๋องหนานหวายและชางชิวด้วยสายตาสับสน ราวกับกำลังค้นหาว่าทั้งสองมีจุดประสงค์อย่างไร
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จื่ออันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ น่าเสียดายที่อ๋องเหลียงไม่ได้แสดงภาพยนตร์ เพราะเขามีคุณสมบัติของนักแสดงอย่างเต็มเปี่ยม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...