หลังจากข่าวได้รับการยืนยันแล้ว องค์จักรพรรดิก็เรียกทุกคนให้เข้ามา
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอาซินพาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปที่จวนของเจ้าใช่หรือไม่?” องค์จักรพรรดินั่งลงพลางถามอ๋องหนานหวายอย่างช้า ๆ
อ๋องหนานหวายไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิจะเชื่อคำพูดตนในตอนนี้หรือไม่ เขาทำได้เพียงกัดฟันและคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนยืนยันหนักแน่น “ฝ่าบาท น้องชายคนนี้ไม่ได้โกหกท่าน ข้าขอสาบานด้วยชีวิตว่ามู่หรงเจี๋ยกลับมาแล้ว เขาออกจากค่ายทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ตอนนี้เขากลับมาแล้ว และบอกกับข้าว่าเขาต้องการนำกำลังทหารบุกพระราชวังเพื่อกบฏ และอ๋องเหลียงก็สมรู้ร่วมคิดในเรื่องนี้ด้วย พวกเขาซุกซ่อนธนูและหน้าไม่จำนวนหนึ่งในบ้านพักย่านเจียวเหอพ่ะย่ะค่ะ”
“จางอ้ายชิง” องค์จักรพรรดิออกคำสั่งโดยไม่เผยอารมณ์ใด “เจ้าจงพาทหารไปตรวจค้นบ้านพักย่านเจียวเหอ จากนั้นพาทหารไปตรวจค้นจวนอ๋องหนานหวายด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพจางตอบรับ
หลังจากที่นายพลจางจากไป องค์จักรพรรดิก็เดินเข้าไปในห้องโถงด้านในจึงเหลือเพียงอ๋องหนานหวาย ชางชิว และอ๋องเหลียงอยู่ในห้องโถงเท่านั้น
จ้วงจ้วงและจื่ออันยืนอยู่หลังม่านและฟังความเคลื่อนไหวภายในท้องพระโรง
อ๋องหนานหวายลุกยืนขึ้น และจ้องมองอ๋องเหลียงหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว “จิตใจของเจ้าอำมหิตยิ่งนัก เจ้าแสร้งทำเป็นร่วมวางแผนหลบหนีกับข้า แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือแผนการชั่วร้ายของเจ้ากับมู่หรงเจี๋ย”
อ๋องเหลียงนั่งลงพลางกล่าวด้วยความโมโห “เอาล่ะ ท่านอา พอเถิด ได้โปรดหุบปากเสียที ตอนนี้เสด็จพ่อไม่ได้ประทับอยู่ที่นี่แล้ว ท่านเลิกพูดจาถากถางข้าเสียที ข้าไม่อยากรู้ว่าท่านมีจุดประสงค์หรือแผนการอะไร ข้าหวังเพียงให้ท่านไม่ลากข้าไปอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างพี่น้องก็เท่านั้น”
“ความจริงแล้วมู่หรงเจี๋ยไม่ได้จะก่อกบฏ พวกเจ้าจงใจวางกับดักเพื่อใส่ร้ายข้าใช่หรือไม่?” อ๋องหนานหวายถาม
“เจ้าไม่กลัวสวรรค์ลงทัณฑ์ เพราะไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็โดนอยู่ดี องค์ชายเจ็ดของข้าทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจอะไรหรือ? ในเมื่อเจ้ากล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏ เช่นนั้นก็แสดงหลักฐานมาสิ เขาและองค์จักรพรรดิเป็นพี่น้องที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ผิดใจกันมานานหลายปีแล้ว เขาสนับสนุนองค์จักรพรรดิและห่วงใยแผ่นดินต้าโจวมากเพียงใด ทุกคนต่างเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าคิดหรือว่าคำพูดเพียงสองสามคำจะทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องร้าวฉานได้?”
“หากเป็นเพียงการกล่าวหา เหตุใดพระชายาถึงรีบร้อนตัวเพียงนี้? ดูสิ เส้นเลือดบนใบหน้าท่านปูดโปนหมดแล้ว หากเรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง เหตุใดท่านต้องโมโหเพียงนี้ด้วยเล่า?” ชางชิวกล่าวประชดประชัน
“เหตุใดข้าถึงโมโหงั้นรึ? ข้าอยากจะฆ่าเจ้าเสียจริง ไม่สิ ข้าจะฆ่าเจ้าตอนนี้ก็ย่อมได้ หากองค์จักรพรรดิจะตำหนิข้า ข้าก็ไม่อาจหนีพ้นได้ เพราะคนของข้าถูกเจ้ากล่าวหาอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเขามีใจที่จะเป็นจักรพรรดิจริง เหตุใดถึงรอจนป่านนี้? ใยไม่ฉวยโอกาสก่อกบฏในตอนองค์จักรพรรดิประชวรหนักเล่า? ถ้าเจ้าอ้าปากพูดอีกแม้แต่คำเดียว เจ้าจะได้เห็นข้าฉีกปากเจ้าแน่” จื่ออันด่าทออีกฝ่ายราวกับคนปากคอเราะราย นางรู้ดีว่าทุกเรื่องที่ตนสาปแช่งออกไปจะต้องถึงหูองค์จักรพรรดิ ดังนั้นนางจึงตอกย้ำองค์จักรพรรดิด้วยการด่าชางชิวว่ามู่หรงเจี๋ยจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิมานานหลายปี และมีโอกาสมากมายที่จะสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น ถึงกระนั้นนางก็ไม่รู้ว่าคำอธิบายนี้จะมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่?
นางรู้ดีว่าหากตนกระทำและกล่าวคำใดออกไปในคืนนี้ องค์จักรพรรดิก็จะไม่ถือโทษ เพราะเขาต้องการใช้นางเป็นตัวกลางในการสงบศึกกับเป่ยโม่ เมื่อพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันดูแล้ว หากสามารถสงบศึกได้ เขาก็จะทำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...