แค่เชือกเส้นเดียวจะบินเองได้อย่างไร? หรือว่ามันคือเชือกผีสิง?
จื่ออันแสดงทักษะนี้โดยตั้งใจ อยู่ที่นี่นางไม่มีทั้งผู้คุ้มครองและเส้นสาย ดังนั้นจึงทำได้เพียงพึ่งพาเชือกบ่วงบาศในการสร้างความลึกลับน่าเกรงขาม เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้สึกว่านางไม่ใช่ผู้ที่จะต่อกรได้ง่าย ๆ
ผู้คนมักจะหวาดกลัวในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้
รวมถึงมีทัศนคติที่ยำเกรงเนื่องมาจากความกลัว
“พระชายา นี่มัน... สมบัติศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?” หัวหน้าหมู่บ้านผู้รอบรู้อดไม่ได้ที่จะถามจื่ออันด้วยความหวาดกลัว
จื่ออันกล่าวว่า “ใต้เท้า หมอเหวินอี้ได้มอบสมบัติชิ้นนี้ให้กับไท่หวงไท่โฮ่วแห่งต้าโจว จากนั้นไท่หวงไท่โฮ่วก็ส่งมอบต่อให้ข้า แม้ว่าหน้าตาของมันออกจะดูน่าเกลียด ทว่ามันก็ทำมาจากหญ้าเทพเจ้าเทียนซาน มีความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งชนิดที่ไม่สามารถทำลายได้ ทุกคนคงเคยได้ยินคุณสมบัติเกี่ยวกับหญ้าเทพเจ้าเทียนซานมาบ้าง มันเจริญเติบโตในธารน้ำแข็งหิมะเหนือเทือกเขาเทียนซาน สั่งสมรัศมีแห่งฟ้าดิน ดูดซับแก่นแท้จากการอาบแสงจันทร์ หลังจากถักทอเป็นเชือกบ่วงบาศ แล้วยังถูกเก็บรักษาไว้ในวัดฮู่กั๋วเป็นเวลาถึงสามปี กระทั่งกลายเป็นสมบัติที่มีจิตวิญญาณ หลังจากได้ฟังพระวจนะของพระพุทธเจ้าทุกเมื่อเชื่อวัน”
หลิงลี่ซึ่งอยู่ที่นั่นได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางก็หันหลังกลับแล้วกล่าวว่า “พระชายาช่างขี้โม้เสียจริง”
หลิวหลิ่วระเบิดเสียงหัวเราะ "แต่สิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ใครกันจะสงสัย ในเมื่อทักษะนี้มีความลึกซึ้งมาก”
ชาวบ้านและทหารต่างตกตะลึง พวกเขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหญ้าเทพเจ้าเทียนซานได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่ากันว่ามันดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณจากฟ้าดิน และวางไว้ในจุดที่รับอานิสงส์จากพระพุทธวจนะเป็นเวลาสามปี ดังนั้นมันอาจเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นลูกศิษย์ของหมอเหวินอี้อีกงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นก็นับว่าน่าทึ่ง
เหวินอี้เป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงร่ำลือไปทั่วเจ็ดแว่นแคว้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในทุกถิ่นฐาน แม้ว่าหลายคนจะไม่เคยเห็นตัวจริงของนาง แต่พวกเขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับความสามารถของนางไม่มากก็น้อย
จื่ออันหยิบยกชื่อของเหวินอี้มาเป็นผู้ช่วยให้รอดของตัวเองอีกครั้ง นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนั้น
สีหน้าของซูมู่เริ่มลังเล เขามองไปที่จื่ออันอย่างไม่เชื่อ “ท่านเป็นศิษย์ของหมอเหวินอี้จริงหรือ? ท่านยังดูเยาว์วัยนัก แต่หมอเหวินอี้…”
จื่ออันรีบขัดจังหวะเขา “หากเจ้ายังสงสัยเคลือบแคลงข้าอีก ข้าก็ไม่มีอะไรจะอธิบาย จงทำตามที่ข้าบอก ลงจากภูเขาแล้วไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองกับตา"
“พระชายาได้ทุ่มเทกำลังในการรักษาชาวบ้านตั้งแต่วันแรกที่นางมาถึงหมู่บ้านมู่ไจ้ ช่วงนี้นางแทบกินไม่อิ่มนอนไม่หลับ หรือนอนหลับ ข้าเชื่อมั่นในตัวพระชายา”
คำพูดของทุกคนจริงใจ เมื่อจื่ออันได้ยินคำพูดเหล่านี้ ในที่สุดนางก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยนางก็ได้รู้ว่าการทำงานหนักของตนเองไม่สูญเปล่า
หมอจากกรมฮุ่ยหมินไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน เพราะสิ่งที่พวกเขาได้เห็นทำให้พวกเขาตกใจมาก
ในที่สุด ซูมู่ก็เลือกลงจากภูเขา เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่จื่ออันพูดเป็นความจริง เขาไม่ลืมพาคนอีกสามคนลงจากภูเขาไปพร้อมกันด้วย เพื่อช่วยเป็นพยาน
เขาคาดหวังเสมอว่าสิ่งที่จื่ออันพูดนั้นเป็นเท็จ โรคระบาดไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงนัก
เขาขี่ม้าเดินทางไปยังเมืองชี่เฉิง ลัวเชี่ยน และอันเฉิงภายในวันเดียว
ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเห็น คือซากศพที่เกลื่อนกลาดไปทุกหนทุกแห่ง ศพเหล่านี้ถูกทิ้งไว้ริมถนนโดยไม่ได้รับการจัดการ มีแมลงวันและหนูมากัดกินยั้วเยี้ยไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...