ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ นิยาย บท 470

หลังจากที่จื่ออันกลับมาถึงจวนมหาเสนาบดีแล้ว​ ก็ค้นดูทักษะการฝังเข็มทอง​ คาดไม่ถึงว่าจะเข้าใจถึงอันดับเริ่มต้นของจุดฝังเข็มทยานว่าจริง ๆ แล้วควรเริ่มต้นจากจุดไหนกันแน่

เมื่อนึกไปถึงการระบาดที่หมู่บ้านศิลาแล้วนั้น ก็เกิดความรู้สึกกลัวที่จะเป็นแบบเดียวกัน ดังนั้นนางจึงไม่มีใจที่จะคิดต่ออีก

เขาในตอนนี้คงจะรู้สึกเบื่อขึ้นมาแล้ว? ก่อนหน้านี้เขายังเอ่ยออกมาว่า โรคผีดิบนี้ได้รับการควบคุมเอาไว้แล้ว นอกจากหวางหยูแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดติดโรคอีกแล้ว

ตอนนี้เพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ปะทุอยู่ในหมู่บ้าน อีกทั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น​ เรื่องนี้หากว่าจัดการไม่เรียบร้อยแล้วนั้น​ ก็จะทำให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาได้

มู่หรงเจี๋ยจริง ๆ แล้วนั้นกังวลเป็นอย่างมาก​ วันนี้ว่าราชการในตอนเช้านั้น​ มหาเสนาบดีเซี่ยนั้นลาไม่ได้เข้าร่วมด้วย​ แต่หลังจากที่ราชการในตอนเช้านี้หารือกันสำเร็จแล้ว​ กลับได้รับการรายงานว่าในหมู่บ้านศิลานั้นเกิดการระบาดของโรคผีดิบนี้ขึ้น​ มีประชากรเป็นจำนวนมากที่ติดโรคระบาดนี้​ เกิดเหตุการณ์​ที่มีผู้คนกัดผู้อื่นขึ้นมา

หมู่บ้านศิลานี้เดิมก็เป็นจุดเริ่มต้นที่มีการค้นพบโรคผีดิบขึ้นมา​ ก่อนหน้านี้ก็มีการส่งกองทหารรักษา​การณ์​เข้าไปยังที่นั่น​ แต่ว่าหลังจากที่ได้รับการควบ​คุม​แล้วนั้น​ คนก็ได้แยกย้ายกันออกไป​ ไม่คิดว่าแยกย้ายกันไปเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น​ ก็กลายเป็นภัยพิบัติ​ครั้งใหญ่เสียแล้ว

อีกทั้งเรื่องนี้ก็มิอาจจะจัดการเป็นการส่วนตัวได้​ เพราะว่ามหาเสนาดีเซี่ยได่เอ่ยออกมาต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพานนับร้อยคนในตอนที่เข้าร่วมว่าราชการในตอนเช้าแล้ว​ เขาจึงจำเป็นต้องจัดส่งคนเข้าไปปิดล้อมหมู่บ้านศิลาในทันที

และในขณะเดียวกัน​นั้น​ มู่หรงเจี๋ยก็ได้จัดส่งเหล่าแพทย์​ประจำสำนักฮุ้ยหมิน​และหมอหลวงเข้าไปยังหมู่บ้านพร้อมกัน​ และส่งผู้ดูแลความปลอดภัยของเหล่าแพทย์​ประจำสำนักฮุ้ยหมิน​ และหมอหลวงไปอีกสามร้อยนาย

จริง ๆ แล้วมู่หรงเจี๋ยนั้นรู้ดี​ว่าส่งหมอหลวงและเหล่าแพทย์​ประจำสำนักหมอหลวงไปนั้นก็ไม่มีประโยชน์​อันใด​ หมอในกองทัพเคยจัดการกับโรคผีดิบเหล่านี้แล้ว​ กล่าวได้ว่าแทบจะหมดหนทางแล้ว

แต่ว่า​ก็ต้องทำอะไรลงไปสักอย่าง​ เขารู้สึกว่าจะต้องมีผู้ที่สมคบคิดกันอยู่ ก่อนหน้านี้นั้นโรคภัยประเภทนี้เกิดขึ้นค่ายทหาร เขาคาดเดาเอาว่าต้องการจะให้แพร่กระจายไปในกองทัพ แต่ว่าเมื่อมาคิดในวันนี้นั้น รู้สึกว่าอาจจะมีความเป็นไปได้อื่นแอบแฝงอยู่

อาศัยช่วงที่มีโรคผีดิบนี้เกิดขึ้นในกองทัพดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้ จากนั้นปล่อยพิษประเภทนี้ไว้ในเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ ราษฎรเมื่อแตกกระจายกันไปแล้ว หากว่าราชสำนักไม่มีทางออกให้แล้ว ก็จะทำให้จิตใจของผู้คนพากันเปลี่ยนตามไปด้วย

ดังนั้นเขาไม่อาจที่จะปลีกตัวออกมาจากหมู่บ้านศิลาได้ เพื่อไม่ให้โรคระบาดนี้แพร่กระจายต่อไปอีก

ในขณะเดียวกันนั้น ก็ให้แม่ทัพ​ฉีตรวจค้นทั่วทั้งเมือง เมื่อพบเจอกับผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะมีอาการป่วยไข้ ก็ให้รีบกลับมารายงาน และยังให้ส่งหนังสือแจ้งไปยังหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อที่ให้ทุกท้องที่ระมัดระวังโรคผีดิบนี้ปรากฏขึ้นมา

มู่หรงเจี๋ยปวดหัวเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านี้เป็นวางแผนสมคบคิดกันมานานแล้ว แต่ว่าเขามิอาจหาหลักฐานออกมาได้

เป็นกุ้ยไท่เฟยที่เข้าวังมาในตอนที่ถวายพระพรนั้นเอ่ยออกมา หวงไท่โฮ่วเมื่อได้ฟังว่ามีการแพร่ระบาดที่หนักหนาเป็นอย่างมากในครั้งนี้ ก็ทรงตกใจเป็นอย่างมาก

“ตกลงแล้วมันคือโรคอะไรกันแน่ ผู้ที่โดนแพร่เชื้อเองก็สามารถที่จะไปกัดผู้อื่นต่อได้”

กุ้ยไท่เฟยเอ่ย “ไม่ทราบเหมือนกันเพคะ ท่านหมอของสำนักฮุ้ยหมินและหมอหลวงต่างล้วนก็ไปยังที่นั่นมาแล้ว ล้วนแต่เอ่ยว่าไม่มีวิธีการใดเลย เหมือนกันกับผีดิบอย่างไรอย่างนั้น ผู้ที่มีอาการป่วยไข้แล้วก็จะไปกัดผู้อื่น ผู้ที่โดนกัดก็จะไปกัดผู้อื่นต่อ”

“หมู่บ้านศิลามีราษฎรอยู่เท่าใดกัน?” หวงไท่โฮ่วเอ่ยถามซุนกงกง

ซุนกงกงเอ่ยตอบกลับ “ทูลหวงไท่โฮ่ว หมู่บ้านศิลานั้นมีราษฎรอยู่เจ็ดร้อยสามสิบห้าคนพ่ะย่ะคะ นับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีความใหญ่อยู่พอประมาณ”

“ทั้งเจ็ดร้อยกว่าคนนี้ต่างก็ได้รับเชื้อกันแล้วหรือ?” หวงไท่โฮ่วตกใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์