หลังออกจากวัง ขณะอยู่ภายในรถม้า มู่หรงเจี๋ยเห็นว่าจื่ออันคล้ายกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ลึก ๆ จึงเอ่ยถาม “เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”
จื่ออันเงยหน้าขึ้นมองเขา พบว่าแววตาอีกฝ่ายเต็มไปด้วยร่องรอยของความปรารถนาที่จะได้ยินข่าวดีจากปากนาง
จื่ออันกล่าว “ผื่นจุดแดงบนพระพักตร์ของพระองค์มิใช่โรคเดียวกันกับรอยแผลใบหน้ามนุษย์บนต้นแขน พระองค์ทรงมีผื่นจุดแดงลามไปทั่วพระวรกายด้วยใช่หรือไม่? โรคนี้เรียกว่าผื่นผีเสื้อ เป็นโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นจากการแพ้ภูมิตนเอง ช่างเถิด อย่ากล่าวถึงศัพท์ทางการแพทย์เกี่ยวกับมันเลย โรคนี้ร้ายแรงมาก ข้าเข้าใจที่ท่านกล่าวแล้วว่ามันไม่มีทางรักษาได้ อันที่จริงข้าเองก็ไม่สามารถรักษาได้เช่นกัน ทว่าพอจะควบคุมอาการได้”
“เจ้าควบคุมมันได้อย่างนั้นหรือ?” มู่หรงเจี๋ยรู้สึกเหลือเชื่อ “เจ้าเคยเห็นโรคนี้ด้วยหรือ? โรคนี้เป็นโรคหายาก อย่างน้อยก็มีบันทึกเกี่ยวกับมันไม่มากนัก”
“สาเหตุที่ไม่มีการบันทึกเกี่ยวกับมันมากนัก อาจเป็นเพราะทุกคนต่างนิยามโรคนี้ว่าเป็นโรคต้องสาป ผู้ป่วยเหล่านั้นจึงละอายใจที่จะเข้ารับการรักษา นอกจากนี้ ในทางการแพทย์ยังสรุปว่ามันเป็นโรคร้ายเรื้อรังระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจึงเห็นว่าแม้ทำการรักษาไปก็เปล่าประโยชน์”
“ในทางการแพทย์ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยมองนางตาใส “ช่างเถอะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วเจ้าจะอธิบายแผลรูปใบหน้ามนุษย์ว่าอย่างไร? โรคหน้าคนที่นูนออกมาก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ใช่หรือไม่?”
“มันไม่ใช่โรค แต่เป็นแฝดปรสิต ยุคโบราณเรียกว่าแผลรูปหน้าคน ไม่ใช่แผลหน้าผี หากให้ข้ารักษา ข้าคงเลือกผ่าตัดออกสถานเดียว แต่ในทางแพทย์แผนจีนก็มีตัวยาที่สามารถรักษาได้เช่นกัน ต้องใช้ผงยาจีนหลายชนิดผสมกันแล้วทาบริเวณนั้น มันจะหลุดออกเองตามธรรมชาติ ทว่าระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน”
มู่หรงเจี๋ยยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“ข้าดูเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่หรืออย่างไร?” จื่ออันกล่าวอย่างโกรธเคือง
“แต่ว่า…” มู่หรงเจี๋ยยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อในสิ่งที่นางกล่าว นางบอกว่าผื่นจุดแดงสามารถควบคุมได้ ทั้งยังบอกอีกว่าโรคแผลหน้าผีสามารถทำให้หลุดออกเองตามธรรมชาติได้ หมายความว่าพวกมันไม่นับว่าเป็นโรคร้ายแรงสำหรับนางเลย
“เจ้ากำลังจะบอกว่าพระอาการประชวรของฝ่าบาทไม่ร้ายแรงอย่างนั้นหรือ?” มู่หรงเจี๋ยถามย้ำ
จื่ออันส่ายหน้า “เปล่าเลย ผื่นผีเสื้อเป็นโรคร้ายแรง หากผื่นเหล่านั้นลามไปทั่วทั้งร่างกาย ผลพวงของโรคอาจทำลายไปถึงไตและหัวใจ ดังนั้นข้าจึงกล่าวว่าพอจะระงับอาการได้ ทว่าไม่สามารถรักษาได้”
“หมายความว่าหากดำเนินการรักษาให้เร็วกว่านี้ อาจหายได้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่” จื่ออันยังคงส่ายหัว “ไม่ว่าโรคนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือในตอนนี้ที่มันลุกลามแล้ว ก็ไม่มีหนทางรักษาให้หายได้ทั้งสิ้น แม้แต่… ข้า ข้าทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อควบคุมอาการเท่านั้น เมื่อไม่มียาที่เหมาะสม การควบคุมอาการของโรคนี้จึงยิ่งยากขึ้นตามไปด้วย”
จื่ออันส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ ตอนนี้ข้ายังไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับอาการเหล่านั้น นี่เป็นเพียงผลวินิจฉัยเบื้องต้น เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ข้าจำเป็นต้องทำการตรวจสอบเชิงลึกเพิ่มเติม หากท่านยินยอมให้ข้าเริ่มทำการรักษา วันพรุ่งนี้ข้าจะสอบถามจากหวงไท่โฮ่วด้วยตนเอง”
มู่หรงเจี๋ยกล่าว “เจ้ายังไม่ต้องไป ข้าจะไปปรารภกับเสด็จแม่เอง เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ได้”
หลังจากหารือกันเรื่องนี้แล้ว วันรุ่งขึ้นมู่หรงเจี๋ยจึงไปเข้าเฝ้าหวงไท่โฮ่ว เพื่อบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด ทว่าหวงไท่โฮ่วกลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย “ผื่นผีเสื้ออะไรกัน? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันคือแผลหน้าผี เจ้าคิดว่าหากข้าไปบอกฝ่าบาทแล้วพระองค์จะทรงเชื่อหรือ? ฝ่าบาทไม่มีทางเห็นด้วยแน่”
“แต่จื่ออันกล่าวว่านางสามารถรักษาได้ ต่อให้รักษาไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถควบคุมพระอาการได้ เสด็จแม่ โปรดนำเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทอีกครั้งด้วยเถิด” มู่หรงเจี๋ยวิงวอน
“ไม่ ในเมื่อเขาไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสีย เจ้าไม่ควรพาจื่ออันมาเห็นพระอาการของเขากับตาเลยจริง ๆ สตรีมิรู้ถูกผิด ยากจะรับประกันว่านางจะไม่นำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายให้ผู้อื่นฟัง”
“เสด็จแม่โปรดวางใจ จื่ออันไม่นำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายกับผู้ใดเป็นแน่” มู่หรงเจี๋ยกล่าวยืนยัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...