จื่ออันออกไปต้อนรับ และพบกับซุนฟางเอ๋อร์ที่สนามหญ้าเป็นกรณีพิเศษ ลมหนาวพัดโชยกระทบใบไม้สีเหลืองที่เหี่ยวเฉา บรรยากาศช่างเย็นยะเยือก
ไม่นานซุนฟางเอ๋อร์ก็มาถึง นางสวมชุดกระโปรงซึ่งตัดเย็บจากผ้าสีขาวล้วนขลิบทอง ทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ ส่งเสริมให้นางดูสง่างามและล่องลอย การเคลื่อนไหวขณะเดินของนางเป็นไปอย่างสงบ
ใบหน้านวลผัดแป้งบางเบาจึงดูงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวขาวผ่องเป็นยองใยราวหิมะ ใสดุจแก้วที่สามารถเป่าให้แตกได้ เรียบเนียนเสียจนมองไม่เห็นกระทั่งรูขุมขน แววตาสุกใส จมูกได้รูป ริมฝีปากแดงระเรื่อ แม้นปราศจากชาดค่อย ๆ โค้งเป็นรอยยิ้ม เผยให้เห็นฟันที่เรียงตัวสวย ขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา
นางสูงโปร่ง ดูเหมือนจะสูงกว่าจื่ออันด้วยซ้ำไป รูปร่างภายใต้เสื้อคลุมนั้นหรือก็เพรียวบางอย่างพอดี ขณะเยื้องกรายก็ลากเอาชายกระโปรงกวาดไปพร้อมกัน พลิ้วไหวประหนึ่งมังกรแหวกว่าย งามสง่าราวปักษาร่อนลม
สตรีที่สวยงามระดับนี้ คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะเรียกขานนางว่าเทพธิดา
จื่ออันเคยคิดว่าหยวนซื่อผู้เป็นแม่งดงามมากแล้ว แต่นางไม่คาดคิดว่าฟางเอ๋อร์จะงามยิ่งกว่าแม่ของนางด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนี้รักมู่หรงเจี๋ยอย่างสุดซึ้ง เขาจะไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยเลยหรือ?
เป็นไปไม่ได้
แม้แต่จื่ออันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดรู้สึกชื่นชมความงามของนางไม่ได้ หากไม่ล่วงรู้นิสัยใจคอ และพินิจเพียงรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว
บุรุษทั่วสารทิศคงแห่แหนกันมาหาสตรีแสนงามเช่นนางกันหมด จริงหรือไม่?
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าจื่ออัน ชายกระโปรงของนางหยุดแกว่งไกว รองเท้าผ้าต่วนปักมุกคู่หนึ่งเผยให้เห็น บนใบหน้ามีรอยยิ้มจาง ๆ “ซุนฟางเอ๋อร์คารวะพระชายา”
น้ำเสียงนั้นช่างไพเราะราวนกขมิ้นขับขาน
จื่ออันแทบไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้ คำพรรณนาว่านางเป็น ‘หญิงงามล่มเมือง’ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอย่างแน่นอน
“เชิญนั่ง!” จื่ออันเบนสายตามองไปทางอื่น ชี้ไปที่เก้าอี้ตรงข้ามตนเอง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พระชายา” ซุนฟางเอ๋อร์เดินไปนั่งลงด้วยท่าทางที่ไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจจนเกินไป
ซุนฟางเอ๋อร์คลี่ยิ้มด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย “ต่อให้พระชายาต้องการฆ่าข้า เกรงว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเช่นนั้น อ๋องหนานหวายรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แม้กระทั่งกุ้ยไท่เฟยก็รู้เช่นเดียวกัน หากข้าตกตายอย่างกะทันหัน คิดว่าพวกเขาจะยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ หรือ?”
“หากเจ้าไม่ตาย พวกเขาจะยอมปล่อยข้าไปโดยง่ายอย่างนั้นสินะ?” จื่ออันเย้ยหยัน
ซุนฟางเอ๋อร์มองนาง “พระชายาช่างฉลาดหลักแหลม”
“ไม่ฉลาดหรอก หากข้าหลักแหลมดังที่เจ้าว่า คงแก้ไขสถานการณ์ให้แก่ผู้ที่อยู่ภายใต้พิษกู่ร่วมชะตาไปนานแล้ว” จื่ออันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซุนฟางเอ๋อร์หัวเราะ “ในเมื่อพระชายารู้อยู่แก่ใจ ท่านก็ยังต้องการฆ่าข้าอีกหรือ? หากท่านจัดการกับข้า โลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้วิธีแก้ไขพิษกู่ร่วมชะตาแล้ว”
“ถึงพิษกู่ร่วมชะตาจะไม่มียารักษา แต่เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะไม่รู้อะไรเลยเชียวหรือ? ข้าเป็นหมอนะ” จื่ออันหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเยือกเย็น
ซุนฟางเอ๋อร์กล่าวกลั้วหัวเราะ “โลกนี้ไม่มียาที่สามารถรักษาพิษกู่ได้จริงหรือ? สิ่งทั้งปวงล้วนพึ่งพาอาศัยเกื้อกูลกัน เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะไม่มีหนทางแก้ไข?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...