กุ้ยไท่เฟยขมวดคิ้วและมองไปที่ซุนฟางเอ๋อร์ “เจ้าบอกว่าฝ่าบาทใช้ผิวปลอมอำพรางอย่างนั้นหรือ?”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่เพคะ” ซุนฟางเอ๋อร์กล่าวอย่างหนักแน่น “หากพระองค์ไม่ใช้ผิวปลอม ผื่นแดงเหล่านั้นไม่มีทางปกปิดไว้ได้ เพียงแต่หม่อมฉันเองก็ไม่คาดคิดว่าเซี่ยจื่ออันจะใช้วิธีการเช่นนี้”
“เจ้ารู้วิธีหรือ?” อ๋องหนานหวายถาม
ซุนฟางเอ๋อร์กล่าว “เจ้าค่ะ อันที่จริงวิธีการนี้พูดง่ายกว่าลงมือทำ ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ตราบใดที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ก็สามารถทำได้”
“ผิวปลอมที่เจ้าว่านี่ไม่เผยพิรุธใด ๆ ให้เห็นเลยหรือ?”
“ต้องสังเกตจึงจะสามารถมองเห็นพิรุธได้เจ้าค่ะ แต่ใครกันจะกล้าจ้องพระพักตร์ของฝ่าบาท ผิวปลอมแบบนี้มีข้อเสีย หากอากาศร้อนเกินไป มันอาจรั่วและละลายได้ง่าย หากลมแรงเกินไปจะยับย่นและหลุดออก ใส่ได้ไม่นาน เนื่องจากมันไม่ระบายอากาศ และค่อนข้างกระทบกระเทือนพระอาการของฝ่าบาท โดยทั่วไปแล้วต้องถอดหลังจากผ่านไปสองชั่วยาม ถ้าอากาศข้างนอกร้อนเช่นวันนี้ นานสุดได้เพียงชั่วยามครึ่งเท่านั้น ขืนไม่ถอดออก อุณหภูมิรอบใบหน้าจะทำให้ผิวหนังบางลงเรื่อย ๆ ผืนแดงก็อาจปรากฏให้เห็น และที่แย่กว่านั้นคือมันจะหลุดออกมา”
“ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วยามถึงจะเสด็จออกจากวังหลวงไปยังแท่นบวงสรวงสวรรค์ได้ ตอนนี้เขาสุขภาพไม่ดี ดังนั้นขบวนไม่สามารถเดินหน้าเร็วเกินไปได้ เขาต้องเปลี่ยนผิวปลอมกลางทางแน่” อ๋องหนานหวายกล่าว
“แผนของพวกท่านคืออะไรหรือเจ้าคะ?” ซุนฟางเอ๋อร์ถาม
กุ้ยไท่เฟยถามอย่างเฉยเมย “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ซุนฟางเอ๋อร์คลี่ยิ้มเล็กน้อย “แท่นบวงสรวงทรงกลมสำหรับถวายเครื่องสังเวยสู่สวรรค์นั้นไม่มีสิ่งกีดขวาง หากฝ่าบาทต้องการเปลี่ยนโฉมหน้า เขาทำได้เพียงใช้กองทัพจักรวรรดิสร้างกำแพงมนุษย์ขึ้นเท่านั้น หากในช่วงเวลาดังกล่าว มีมือสังหารร่อนลงมาจากฟากฟ้าอย่างกะทันหัน จะเกิดอะไรขึ้น?”
อ๋องหนานหวายเหยียดยิ้มดุร้าย “นั่นคงจะสวยมากทีเดียว”
กุ้ยไท่เฟยพอใจกับแผนของซุนฟางเอ๋อร์มาก ชื่นชมนางจากใจ “หากวันนั้นเจ้าไม่รั้งท่านอ๋องออกมา เขาคงเข้าวังไปแล้ว เจ้านี่ช่างคิด ช่างแก้ไข และใจเย็นเมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น มีเจ้าอยู่เคียงข้างท่านอ๋องทั้งคน ข้าคงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก”
ซุนฟางเอ๋อร์ฝืนยิ้ม “เจ้าค่ะ เสด็จป้า พระองค์ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อฟางเอ๋อร์ ฟางเอ๋อร์เป็นบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ท่านอ๋องกรุณาเลี้ยงดูนั่นก็เพียงพอแล้ว หม่อมฉันไม่กล้าร้องขออะไรอีกเพคะ”
ดวงตาของกุ้ยไท่เฟยฉายแววเฉียบแหลม “เจ้าไม่กล้าร้องขอ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าไม่ต้องการ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่สามารถบังคับหรือควบคุมอะไรเจ้าได้ แต่ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน หากแผนการเปิดโปงจักรพรรดิในพิธีบวงสรวงสวรรค์ไม่สำเร็จ เจ้าต้องกลับไปยังแดนใต้ ทว่าหากเจ้ายอมแต่งงานก็สามารถอยู่ต่อได้ ก่อนจากไป มาดูกันก่อนเถิด ถึงเจ้าจะทำสำเร็จ เรื่องนี้ก็ยังต้องจัดการอยู่ดี”
ซุนฟางเอ๋อร์ก้มหน้าลง จนมองไม่เห็นสีหน้าของนางอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ภาษากายของนางแข็งทื่อมาก นางไม่รู้ว่าตนเองเต็มใจ หรือไม่พอใจกับท่าทีของอ๋องหนานหวายกันแน่
แต่สำหรับอ๋องหนานหวายแล้ว เขาดูไม่มีความสุขเลย
เมื่อเห็นเช่นนี้ กุ้ยไท่เฟยก็ยิ้มและเอ่ยกับซุนฟางเอ๋อร์ “ฟางเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยทำขนมกุ้ยฮวากลิ่นหอมหวานให้ข้ากิน ข้ายังไม่ลืมรสชาตินั้น เจ้ายินดีทำให้ข้าอีกครั้งหรือไม่? ”
ซุนฟางเอ๋อร์รู้ว่ากุ้ยไท่เฟยต้องการไล่นางออกไป จึงกล่าวว่า “หากเสด็จป้าต้องการ ฟางเอ๋อร์จะทำให้เพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...