“หากเจ้าไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้น แล้วถือดีอย่างไรถึงคิดจะสอนบทเรียนให้ผู้อื่น? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาแสดงความป่าเถื่อนในเขตตำหนักสีอันของข้า” เมื่อเห็นว่านางยังไม่ยอมปล่อยอาฝูไป กุ้ยไท่เฟยก้เงื้อฝ่ามือขึ้น ต้องการตบหน้าจื่ออัน
จื่ออันจับข้อมือของนางไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แค่นเสียงกล่าวเย็นชา “กุ้ยไท่เฟย ตำหนักสีอันแห่งนี้ไม่ใช่แม้กระทั่งตำหนักของท่านด้วยซ้ำ ท่านแค่มาพำนักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว และหม่อมฉันก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาท่าน แต่คนของท่านกำลังปิดกั้นหม่อมฉันต่างหาก หนำซ้ำยังเอ่ยวาจาดูหมิ่นสมบัติของหวงไท่โฮ่ว ถ้าไม่ให้ข้าสั่งสอนเจ้าคนไร้ประโยชน์นี่ แล้วจะให้เก็บเขาไว้ด้วยประโยชน์อันใด?”
กุ้ยไท่เฟยโกรธจัด “ใครก็ได้ เชิญพระชายาในองค์ชายผู้สำเร็จราชการแทนออกไปซะ!”
ตอนแรกแม้กระทั่งทหารองครักษ์ยังคงลังเล แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินกุ้ยไท่เฟยออกคำสั่งด้วยตนเอง พวกเขาจึงโจมตีทันที
ตาวเหล่าต้ารอจังหวะนี้อยู่เป็นเวลานานจนคันไม้คันมือไปหมด อยากเอาชนะใครก็ได้สักสองครั้งเพื่อให้สบายใจ ทันใดนั้นเขาพลันขยับตัว พุ่งเข้าไปในกลุ่มทหารยามพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ ฟาดฟันด้วยความความดุร้าย การโจมตีและการต่อสู้เป็นจุดแข็งของเขา ความแข็งแกร่งที่มีทำให้เขาสามารถต้านทานได้ชั่วขณะหนึ่ง
ทหารยามไม่กล้าต่อสู้กับจื่ออันโดยตรง จื่ออันโยนร่างอาฝูออกไป ชักเชือกบ่วงบาศออก ก่อนจะตวัดพันร่างทหารยามทั้งหลายแล้วฟาดพวกเขาเข้ากับกำแพง อาฝูรีบสูดลมหายใจเข้า ดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้าย ไขว่คว้าหยิบดาบขึ้นมา และก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขวางจื่ออัน
ร่างกายของจื่ออันนับว่าเสียเปรียบเล็กน้อย จำเป็นต้องอาศัยความยืดหยุ่นของมือและเท้าเข้าช่วย เซี่ยจื่ออันเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจะเชือดคอไก่ ต่อให้นางจะเคยฝึกฝนทักษะมาระยะหนึ่ง แต่ก็รู้เพียงกระบวนท่า ไร้ความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แค่โชคดีที่ได้อาวุธชั้นสูงมาครอบครองเท่านั้น
จื่ออันสะบัดเชือกบ่วงบาศออกไปไวกว่าความคิด กระนั้นมันก็รู้วิธีโจมตีด้วยตัวของมันเอง สิ่งที่จื่ออันต้องทำคือกวัดแกว่งมันต่อไปเรื่อย ๆ จนมันมีสภาพเหมือนงูที่ยืดหยุ่นได้
หลังจากต่อสู้กันไปได้สักพักหนึ่ง นางกำนัลก็วิ่งมาจากทางเดิน กระซิบสองสามคำที่ข้างหูของกุ้ยไท่เฟย กุ้ยไท่เฟยพลันแสดงสีหน้าเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง เงยหน้าขึ้นแล้วโพล่งขึ้นว่า “พอได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทหารยามก็กระโดดออกจากวงโจมตีทีละคน อาฝูฉวยโอกาสลากดาบคู่กายถอยกลับมา สีหน้าอิดโรยมาก หากยังดึงดันสู้ต่อไป ใบหน้านี้คงไม่พ้นถูกทำลายจนเสียโฉม แผลบนนั้นกรีดลากยาวเหมือนเล็บแมวข่วน เป็นรอยแดงชัดเจน เลือดไหลซิบ ๆ ออกมาตามแนวแผล
กุ้ยไท่เฟยมองไปที่จื่ออัน “เจ้ามาที่ตำหนักสีอันแล้วสร้างเรื่องเอะอะใหญ่โตไปเพื่ออะไรกัน?”
“หม่อมฉันต้องการพบซุนฟางเอ๋อร์!” จื่ออันตอบกลับ แต่นางกลับผุดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจ นางกำนัลเพิ่งมารายงานเช่นนี้ เห็นทีคงไม่พ้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับซุนฟางเอ๋อร์
จื่ออันตื่นตระหนก เปิดหนังตานาง ตรวจดูภายในช่องปาก ใช้เข็มตรวจสอบหลอดเลือด กระทั่งพบว่าเข็มเงินเปลี่ยนสีเล็กน้อย แสดงว่านางถูกวางยาพิษจริง
“นางโดนวางยาได้อย่างไร? ท่านรู้ว่านางถูกวางยาตั้งแต่แรกที่นางเข้ารับการรักษาเลยหรือไม่?”
“ใช่ ข้าตรวจพบพิษตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ทว่ามันมีปริมาณเล็กน้อยมาก ในระหว่างขั้นตอนการรักษา จู่ ๆ พิษดังกล่าวก็หายไปเอง หลังจากนั้นสัญญาณที่บ่งบอกถึงพิษเพิ่งจะถูกค้นพบ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ชีพจรเต้นผิดปกติ ทำให้ข้าตรวจสอบไม่พบ จึงนึกว่าพิษหมดสิ้นแล้ว”
“ท่านอยู่ที่นี่ตลอดเวลาเลยหรือ?” จื่ออันถาม
หยวนพ่านส่ายหน้า “เปล่า เมื่อครู่กุ้ยไท่เฟยเรียกข้าไปสอบถามเกี่ยวกับอาการของแม่นางซุน เมื่อข้ากลับมาเพื่อทำการตรวจรักษาอีกครั้ง อาการของนางก็ย่ำแย่เกินเยียวยาเสียแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...