เซี่ยหลินอธิบายว่า “ยาพิษที่พี่สาวมอบให้ข้าคือหงอนนกกระเรียนแดงชุบขี้ผึ้ง ผนึกเลือดในลำคอ หลังจากกัดยานี้แล้วสารพิษจะออกฤทธิ์จนถึงแก่ความตายทันที แต่ต่อให้พิษแผ่ซ่านแล้วมันก็จะอยู่แต่บริเวณคอเท่านั้น ดังนั้น ถึงแม้พวกหมาป่าหรือนกจะลงมากินซากศพของพวกเขา พวกมันก็ไม่อาจล้มตายทั้งหมด จะตายก็ต่อเมื่อกัดกินชิ้นส่วนที่อยู่บริเวณคอ”
“เช่นนั้นคนพวกนี้ถูกพิษอะไรตายล่ะ?” จ้วงจ้วงถาม
เซี่ยหลินย่อตัวลง หยิบเศษชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่บนพื้นตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ก่อนจะทดสอบด้วยเข็มตรวจพิษ
“มันคือผงพิษชนิดหนึ่ง เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วทำให้ตายได้ โดยสารพิษจะแผ่ไปทั่วทั้งร่างกาย เนื่องก่อนที่พวกเขาจะตาย พิษจะถูกส่งไปยังทุกส่วนของร่างกายผ่านการหายใจเพื่อสูบฉีดเลือด”
จ้วงจ้วงประหลาดใจ “ผงพิษ? มือสังหารพวกนี้มาจากกลุ่มเดียวกัน เหตุใดพวกเขาถึงใช้ยาพิษแตกต่างกันเล่า?”
“ข้าไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันไม่ใช่พิษแบบเดียวกันอย่างแน่นอนขอรับ" เซี่ยหลินกล่าวยืนยันหนักแน่น
จ้วงจ้วงจำได้ว่าจักรพรรดิเคยเกือบถูกปลงพระชนม์ในตอนที่เขากำลังจะถวายเครื่องสังเวยสวรรค์ จื่ออันบอกว่านางงัดยาพิษออกมาจากปากของมือสังหารครั้งนั้นได้สำเร็จ ดูเหมือนว่านางต้องกลับไปทดสอบพิษอีกครั้งเสียแล้ว
ครั้นกลับมาที่พระราชวัง จื่ออันเพิ่งเสร็จสิ้นจากการผ่าตัด สภาพของซุนฟางเอ๋อร์ค่อนข้างแย่ ปลายกริชแทงลึกเกินไปจนทะลุม้ามของนาง ตอนที่กริชถูกดึงออกมา มันก็เกี่ยวเข้ากับลำไส้ทำให้ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม ถึงนางจะทำการเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่นางเสียเลือดมากเกินไป ไขกระดูกไม่ถูกกระตุ้นให้สร้างเลือดขึ้นมาใหม่ได้หลังการผ่าตัด นางจะรอดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว
ในยุคสมัยที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ล้าหลังเช่นนี้ การผ่าตัดไม่อาจทำได้อย่างพิถีพิถัน
ซุนฟางเอ๋อร์ยังไม่ตื่น และยังไม่พ้นขีดอันตราย
หลังจากได้ยินคำกล่าวของเซี่ยหลิน จื่ออันรีบถาม “หลินหลิน เจ้ายังจำยาพิษที่ข้ามอบให้เจ้าตรวจดูครั้งล่าสุดได้หรือไม่?”
“จำได้สิ” เซี่ยหลินหยิบยาพิษที่นางมอบให้ครู่นี้ออกมา “ข้าจำได้แม่นยำว่ามันเป็นพิษชนิดเดียวกัน หงอนนกกระเรียนชุบขี้ผึ้ง ผนึกเลือดในลำคอ”
“หมายความว่ามือสังหารสองกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเดียวกันกับมือสังหารที่เคยลอบสังหารฝ่าบาทครั้งก่อน ทว่าพวกเขาไม่ได้ตายด้วยพิษนี้อย่างนั้นหรือ?”
พวกเขามาจากกลุ่มเดียวกันแท้ ๆ แต่ทำไมถึงใช้พิษแตกต่างกัน? ที่สำคัญ หากอยากจะฆ่าตัวตายจริง การกัดพิษก็เป็นวิธีการที่ง่ายดายที่สุดเนื่องจากซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากอยู่แล้ว ในยามวิกฤต คนปกติที่ไหนจะสูดผงพิษเข้าจมูกกัน?
“ใช่ ตอนนี้ร่างกายของนางไม่หลงเหลือพิษตกค้างอีก” จื่ออันกล่าว
ยาพิษถึงสามชนิดปรากฏขึ้นในวันเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าพิษเจิ้นตู๋ที่ซุนฟางเอ๋อร์ได้รับต้องเป็นฝีมือของกุ้ยไท่เฟย กุ้ยไท่เฟยคือคนที่ต้องการฆ่าซุนฟางเอ๋อร์ แม้นางจะไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดถึงต้องฆ่า ทว่าคาดเดาไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
ส่วนพิษชนิดที่สองคือผงพิษสำหรับสูดดม เวลานั้นในตำหนักมีเพียงกุ้ยไท่เฟยและซุนฟางเอ๋อร์ ซุนฟางเอ๋อร์อาจเผลอสูดดมพิษเข้าไปจนอาการย่ำแย่ แต่กุ้ยไท่เฟยกลับไม่มีอาการใด ๆ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือนางกินยาแก้พิษไว้ป้องกันตัวก่อนแล้ว
หรือจะสันนิษฐานว่านางเป็นคนโปรยผงพิษก็เป็นไปได้
จ้วงจ้วงก็คิดแบบนี้เช่นกัน “ในบรรดามือสังหารทั้งเจ็ด ห้าคนตายหลังจากสูดผงพิษ อีกสองคนถูกอาฝูและทหารยามควบคุมตัวไว้ได้ จากนั้นกองทัพจักรวรรดิก็มาถึงทันท่วงที ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกัดหงอนนกกระเรียนแดงในปาก เพราะถูกจับเสียก่อน”
“รอฟังผลการสอบสวนก่อนเถอะ เราถึงจะคาดเดาทุกอย่างได้” แม้จื่ออันจะรู้สึกว่าการคาดเดานี้สมเหตุสมผล แต่นางก็ยังรู้สึกสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...