ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 1017

ลั่วชิงยวนยิ้มแล้วพยักหน้า

นางคิดว่าอาจเป็นเพราะราชาเผ่านอกด่านได้ประกาศสละบัลลังก์ให้แก่นางแล้ว หล่างมู่จึงหมดทางเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และเปลี่ยนทัศนคติต่อนางไปมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?

เพราะอย่างน้อยนางกับเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน

ครั้งนั้นนางถึงขั้นเกือบเอาชีวิตมิรอดเลยทีเดียว

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า กองทัพก็หยุดพักตั้งค่ายพักแรม

คนออกล่าสัตว์ก็ไปล่าสัตว์ ส่วนคนทำอาหารก็ทำอาการ กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งค่าย

ลั่วชิงยวนเดินเล่นแล้วบังเอิญไปพบกับบ่อน้ำพุร้อนจึงอยากอาบน้ำ

เพราะต้องเฝ้าปกป้องเมืองมาสิบกว่าวัน ตอนนี้ตัวนางจึงเหม็นจนแทบทนมิไหวแล้ว

เนื่องจากไม่มีใครอยู่ใกล้ นางจึงแอบลงไปในน้ำอย่างเงียบเชียบ

แต่มินานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

มีผู้ชายหลายคนมาตักน้ำที่นี่

“เอ๊ะ เหมือนว่าจะมีคนอยู่ในน้ำ”

ลั่วชิงยวนจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในน้ำ มิกล้าโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ

“ลงไปดูเลย! ขอให้อย่าเป็นศัตรู”

หัวใจของลั่วชิงยวนเต้นแรง

ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น “ทำอะไรกันอยู่!”

“พวกเราพี่หญิงน้องหญิงจะมาอาบน้ำที่นี่ พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถิด”

เหล่าชายหนุ่มจึงจากไป

สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้ง

จึงเห็นหญิงสาวอีกคนเดินมาวางเสื้อผ้าไว้ริมฝั่ง

จากนั้นทั้งสองก็หันหลังให้

“องค์หญิงหยวนหนิง นี่คืออาภรณ์ที่องค์ชายหล่างมู่เตรียมไว้ให้ท่าน ท่านอาบน้ำเสร็จแล้วก็เปลี่ยนเถิด”

“พวกเราจะคอยเฝ้าอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครมาหรอก”

ลั่วชิงยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หล่างมู่หรือ?

หล่างมู่แอบจับตาดูนางอยู่หรือ?

ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องพูดคุยกับหล่างมู่ให้ชัดเจนเสียแล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไปใส่อาภรณ์ที่หล่างมู่ส่งมาให้

“ข้ายังต้องขอโทษพี่หญิงสำหรับเรื่องในอดีตด้วยขอรับ”

“ข้ารู้ว่าพี่หญิงมิสามารถยอมรับข้าได้ในทันที แต่ขอให้เชื่อเถิด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

“หล่างมู่ขอจงรักภักดีต่อพี่หญิงโดยมิแปรเป็นอื่นไปขอรับ!”

ท่าทางที่จริงใจและอ่อนโยนดั่งน้องชายที่แสนดี

ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ

รู้สึกว่าหล่างมู่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“เหตุใดกัน? ข้ามิเข้าใจ?”

“ถึงแม้ข้าจะเป็นหยวนหนิง แต่เราก็ไม่มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง หล่างชิ่นยังสงสัยข้าเลย แล้วเหตุใดทัศนคติของเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้?”

ตั้งแต่พวกเขาร่วมมือกัน จนถึงตอนนี้ลั่วชิงยวนก็ยังระแวงหล่างมู่อยู่เสมอ

หล่างมู่คลี่ยิ้ม “เพราะพี่หญิงจำเรื่องในวัยเด็กมิได้ขอรับ”

“เมื่อครั้งยังเยาว์วัย แม่ของข้าต้องยุ่งกับกิจการของเผ่า ไม่มีเวลาสนใจข้า เป็นพี่หญิงเองที่คอยอยู่เป็นเพื่อนข้า สอนข้าขี่ม้าล่าสัตว์ สอนข้าอ่านหนังสือและสอนวรยุทธให้ข้า”

“ความผูกพันระหว่างข้ากับพี่หญิงลึกซึ้งกว่าความสัมพันธ์กับพ่อแม่เสียอีกขอรับ”

“ในตอนนั้นข้าซนมากจึงพลัดหลงเข้าไปในภูเขาที่มีสัตว์ป่า ถูกหมาป่าที่บาดเจ็บทำร้าย เป็นพี่หญิงเองที่ตามหาข้าแล้วยอมเสียสละตัดเนื้อให้หมาป่ากิน...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย