ลั่วชิงยวนมิแปลกใจ นี่คือวิถีของเฉินชี
ต่อให้เวินซินถงมิให้นางไป เฉินชีก็จะบังคับพานางไปให้ได้
ในเมื่อประสบปัญหาที่ต้องเชิญนักบวชระดับสูงมาแก้ไข หากทำเรื่องนี้สำเร็จก็จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ลั่วชิงยวน
ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการทวงคืนตำแหน่งนักบวชระดับสูงในภายภาคหน้า
นี่เป็นสิ่งที่เฉินชีกำลังคิดอยู่
......
เช้าวันรุ่งขึ้น
เวินซินถงมาถึงหน้าเรือนของลั่วชิงยวน
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามข้าไปตระกูลมู่”
“นำสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ไปด้วย”
กล่าวจบ เวินซินถงก็หันหลังเดินจากไป
ลั่วชิงยวนยังมิทันได้ถามว่านางควรนำสิ่งใดไป?
เพราะสถานการณ์ของตระกูลมู่เป็นเช่นไรนางก็ยังมิรู้
อีกทั้งเมื่อก่อนตอนที่นางเป็นนักบวชระดับสูงก็ไม่มีธรรมเนียมเช่นนี้ด้วย จึงมิรู้ว่าควรนำสิ่งใดไป
เซี่ยหลิงที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ เตือนลั่วชิงยวน “เจ้ามิเคยออกไปกับนักบวชระดับสูง ต้องเตรียมสิ่งใดก็ไปถามจั๋วฉ่างตงเถิด”
ลั่วชิงยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
นางหรี่ตาลง นี่จงใจให้นางไปหาจั๋วฉ่างตงให้จั๋วฉ่างตงกลั่นแกล้งนางเพื่อระบายความแค้นให้จั๋วฉ่างตงหรือำร?
ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วก็ไปหาจั๋วฉ่างตงที่เรือน
เมื่อไปถึง จั๋วฉ่างตงกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวเหมือนกำลังพักผ่อน แต่ท่าทางนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคอยการมาถึงของลั่วชิงยวน
เพราะประตูเรือนเปิดกว้าง
จั๋วฉ่างตงนอนหันหน้าไปทางประตู
ลั่วชิงยวนเดินเข้าไปในทันที
“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถาม
จั๋วฉ่างตงลืมตาขึ้น มองนางด้วยสายตาเย็นชา “มิต้องมาเสแสร้ง”
“มีเรื่องต้องการให้ข้าช่วยกระมัง”
“อยากให้ข้าช่วยก็คุกเข่าขอร้องข้าสิ”
จั๋วฉ่างตงเลิกคิ้วขึ้น ท่าทางหยิ่งผยองยิ่งนัก
ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก แล้วกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าเพียงแค่มาดูว่าเจ้าตายแล้วหรือยัง”
“ถือโอกาสบอกเจ้าให้รู้ด้วยว่า ต่อไปนี้ข้าจะติดตามนักบวชระดับสูง มิต้องการเจ้าแล้ว”
“ถึงตอนนั้นท่านต้องการสิ่งใด ข้าก็จะให้ท่าน”
เวินซินถงได้ฟังก็โกรธจนแทบจะทนมิไหว แต่ก็จำต้องอดกลั้น
“เช่นนั้นข้าจะรอชมว่าเจ้าจะทำเช่นไร! วันนี้หากเกิดเรื่องผิดพลาดอันใด อย่าโทษว่าข้ามิปรานี!”
เวินซินถงคิดถึงตรงนี้ก็หายโกรธแล้ว
ลั่วชิงยวนผู้นี้คิดว่าตนเองเก่งกาจมาก แต่แท้จริงแล้วมิรู้อะไรเลย
ประเดี๋ยวเมื่อไปถึงจะมีเรื่องให้นางทำผิดพลาดแน่นอน!
ถึงตอนนั้น ต่อให้เป็นเฉินชีก็ช่วยนางมิได้!
ยังมิทันรู้ตัว รถม้าก็จอดแล้ว
เมื่อลงจากรถม้าก็มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลมู่
เป็นคฤหาสน์โออ่าหลังใหญ่
ตระกูลมู่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง
เพียงแต่อยู่ในอันดับสุดท้าย
ได้ยินเฉินชีกล่าวว่าบุตรสาวของตระกูลมู่นี้กำลังจะเข้าวัง แต่กลับถูกอะไรบางอย่างเข้าสิง
ทำให้ต้องถูกกักขังอยู่ในเรือน มิอาจก้าวออกมาได้แม้แต่ก้าวเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...