“เรื่องอันใด?”
ลั่วชิงยวนเอ่ยถึงเรื่องสำคัญ “บอกภายนอกไปว่าเจ้าแก้ไขปัญหาของตระกูลมู่ครั้งนี้ได้ และยังแก้ปัญหาเรื่องสำนักเทียนฉยงได้ด้วย ข้าจะมิแย่งความดีความชอบกับเจ้า”
“และจะมิเปิดเผยความจริงให้คนอื่นรู้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เวินซินถงก็ตกตะลึง พลันมองนางด้วยความมิอยากจะเชื่อ
ลั่วชิงยวนกล่าวต่อ “แต่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยเหลือ”
“ข้าต้องการส่งมู่หยวนหยวนออกจากเมืองหลวง ออกไปจากตระกูลมู่”
“นี่เป็นสิ่งที่ข้ารับปากนางไว้”
“เลยต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
เมื่อเวินซินถงได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งตกตะลึง จากนั้นก็ถามว่า “นี่คือวิธีที่ท่านแก้ปัญหาเรื่องสำนักเทียนฉยงหรือ? ท่านทราบความจริงแล้วหรือ?”
นี่แหละคือวิถีของศิษย์พี่
น่าเสียดายที่นางไม่มีความสามารถแข็งแกร่งเท่าศิษย์พี่ จึงทำให้นางมีไม่มีความกล้าหาญเช่นนี้
“ใช่” ลั่วชิงยวนมิได้ปิดบัง
“บางครั้งการใช้กำลังก็มิสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้ารับประกันว่าตนเองจะชนะหรือพ่ายแพ้”
“โดยเฉพาะกับสิ่งที่ร้ายกาจอย่างสำนักเทียนฉยง หากถูกพวกมันตามรังควานก็ต้องเจอไปชั่วชีวิต และการรับมือกับพวกมันจะยิ่งยากขึ้น”
ลั่วชิงยวนกำชับอย่างจริงจัง หวังเพียงว่าเวินซินถงจะรับฟังคำพูดของนาง
อย่างน้อยก็ควรจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
เวินซินถงมองนางด้วยสายตาซับซ้อน นางเหมือนศิษย์พี่จริง ๆ!
“ท่านต้องการส่งมู่หยวนหยวนไป แต่มิต้องการให้นายท่านมู่รู้ความจริงหรือ?”
เวินซินถงที่ชาญฉลาดเดาเจตนาของลั่วชิงยวนได้
ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ใช่”
“ข้าหวังว่าต่อไปภายหน้านางจะเป็นอิสระ ไม่มีภัยคุกคามใดอีก”
เวินซินถงตอบตกลง “ได้”
“ข้าจะช่วยท่าน”
“แต่ท่านคิดจะให้นางหลบหนีจากที่นี่อย่างไร?”
ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “จะให้นางแสร้งตายก็มิได้ หากนางตาย ก็เท่ากับว่าปัญหาสำนักเทียนฉยงยังมิได้รับการแก้ไข ภารกิจของนักบวชระดับสูงอย่างเจ้าก็จะล้มเหลว”
“ดังนั้นมีเพียงให้มู่หยวนหยวนจากไปเอง”
“เพียงแต่ต้องให้เจ้าร่วมมือ ด้วยการบอกนายท่านมู่ก่อนว่าเขามิสามารถเก็บลูกสาวของเขาไว้ได้”
จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปเช่นกัน
ลั่วชิงยวนหรี่ตามองแผ่นหลังของเซี่ยหลิงที่เดินจากไป นัยน์ตาฉายแววเย็นเยียบ
รูปร่างของมือสังหารเมื่อคืนคล้ายคลึงกับเซี่ยหลิงยิ่งนัก
เป็นเซี่ยหลิงจริงหรือ?
หากเซี่ยหลิงมีความสามารถเช่นนั้นก็คงได้รับตำแหน่งที่ดีไปนานแล้ว เหตุใดยังคงติดอยู่กับสำนักนักบวชในวัยนี้จนถูกผู้อื่นเยาะเย้ย
เขาซ่อนเร้นความสามารถตัวเองเช่นนี้ มีจุดประสงค์ใดกันแน่?
ดูเหมือนว่าจะต้องหาโอกาสทดสอบวรยุทธ์ของเซี่ยหลิง เพื่อยืนยันว่าเขาคือมือสังหารเมื่อคืนหรือไม่
อีกด้านหนึ่ง เวินซินถงไปพบมู่หยวนหยวน จากนั้นก็บอกแก่นายท่านมู่ “เรื่องของตระกูลท่านได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ้เช่นนั้นขอลา”
“เพียงแต่ข้าต้องการเตือนท่านสักเรื่องหนึ่ง มู่หยวนหยวนมิเหมาะที่จะเข้าวัง หากท่านบีบบังคับนางก็จะมิได้ผลลัพธ์ที่ท่านพอใจ”
กล่าวจบ เวินซินถงก็ก้าวเดินจากไป
นายท่านมู่ตะลึงงันไปครู่ใหญ่ เดิมทีคิดจะไล่ตามไปถามอีกสองสามประโยค แต่แผ่นหลังของท่านนักบวชระดับสูงก็ออกห่างไกลไปแล้ว
ลั่วชิงยวนมองมู่หยวนหยวนเป็นครั้งสุดท้ายจากระยะไกล
ทั้งสองสบตากัน ในใจต่างก็รู้กันดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...