เมื่อลั่วชิงยวนเห็นสีหน้าท่าทางของนาง ในใจก็ไหววูบ
กล่าวว่า “ข้าตายในหอเทียนฉี ข้าเลยอยากจะเข้าไปอีกครั้งเพื่อดูว่าจะพบเบาะแสใดหรือไม่”
“หรือทำให้ความทรงจำของข้าชัดเจนขึ้น ดูว่าจะนึกอะไรออกหรือไม่”
“แต่ที่นั่นมีเพียงนักบวชระดับสูงที่สามารถเข้าไปได้ เจ้าพาข้าเข้าไปได้หรือไม่?”
เมื่อเวินซินถงได้ฟังแล้วก็พยักหน้าโดยมิลังเลแม้แต่น้อย “ได้เจ้าค่ะ”
“เดือนนี้ข้ายังมิได้เข้าไปเลย สามวันหลังจากนี้ ข้าจะพาท่านเข้าไปด้วยกัน”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ได้”
จากนั้นเวินซินถงก็คีบอาหารให้นางด้วยความตื่นเต้น “รีบกินเถิดเจ้าค่ะ ศิษย์พี่”
“ครั้งนี้ข้าจะมิปล่อยให้ท่านจากข้าไปอีก”
“รอจนกว่าจะหาตัวฆาตกรที่สังหารท่านได้ แล้วข้าจะคืนตำแหน่งนักบวชระดับสูงให้ท่าน”
“แต่ละวันที่ข้าอยู่ในตำแหน่งนี้ล้วนทรมานยิ่งนัก”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า แล้วยกชามข้าวขึ้นมา
บรรยากาศที่อบอุ่นทำให้ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะดื่มด่ำ
คิดว่าเวินซินถงดำรงตำแหน่งนักบวชระดับสูงคงมิง่าย หลายปีมานี้คงลำบากมิน้อย
“นั่นก็เป็นเพราะเมื่อก่อนเจ้าเอาแต่เกียจคร้าน หากข้ามิกลับมาคราวนี้ ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเจ้าจะดำรงตำแหน่งนักบวชระดับสูงได้เช่นนี้”
เวินซินถงตอบอย่างจนใจ “ท่านเป็นคนที่เฉินชีพามา เหตุใดข้าจะมิระแวงเล่าเจ้าคะ”
“ว่าแต่ เหตุใดท่านจึงอยู่กับเฉินชี?”
ลั่วชิงยวนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องมันยาว”
“หากมิใช่เฉินชี ต่อให้ผ่านไปอีกพักใหญ่ ข้าก็คงมิได้กลับมา”
เวินซินถงตกใจ “เช่นนั้นท่านกับเฉินชีคงมิได้กลายเป็นสหายกันใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อก่อนท่านเกลียดชังเขาที่สุด”
“แน่นอนว่ามิใช่ ข้ากับเขาไม่มีวันเป็นสหายกันได้”
ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่น มิลังเลแม้แต่น้อย
เวินซินถงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “มิเป็นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าก็รับมิได้หากต้องไปเป็นพวกเดียวกับเฉินชี เขามีความทะเยอทะยานมากเกินไป”
“อยู่กับคนเช่นนี้แล้วจะมิสบายใจ”
ในใจลั่วชิงยวนก็คิดว่าถูกต้องแล้ว เพียงแต่นางยังมิรู้ว่าเฉินชีต้องการทำสิ่งใด
ต้องการให้นางเป็นนักบวชระดับสูง แล้วควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า
คำพูดนี้เหมือนกับที่อวี๋โหรวพูดทุกประการ
ลั่วชิงยวนรู้สึกสงสัย “หากคนผู้นั้นสามารถมายังหอเทียนฉีเพื่อสังหารข้าได้ และสามารถนำศพออกไปได้ทันเวลา ก็ต้องเป็นคนของสำนักนักบวชแห่งนี้แน่นอน”
“มิเช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี”
เวินซินถงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ยังมีราชวงศ์ด้วยนะเจ้าคะ”
“พวกเขาก็สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ และสำนักนักบวชก็มิได้อยู่ห่างไกลจากพวกเขานัก”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนในราชวงศ์
“หลังจากข้าตาย เจ้าได้สืบสวนหรือไม่? มีผู้ใดน่าสงสัยบ้าง?”
เวินซินถงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หลังจากที่ท่านตายข้าก็ได้สืบสวน แต่แทบจะพลิกทั่วทั้งสำนักนักบวชก็มิพบศพเลยเจ้าค่ะ”
“วันนั้นประตูวังถูกปิด ห้ามผู้ใดเข้าออก สืบสวนอยู่สี่ห้าวันก็มิพบศพของท่าน”
“มิสามารถนำศพออกไปนอกวังได้ด้วย”
“เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อยิ่งนัก”
“นี่กลายเป็นคดีปริศนา ยามนั้นทุกคนจึงกล่าวว่าท่านได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์ จึงมิเหลือแม้แต่ศพ”
“จนถึงวันนี้ข้าก็ยังคิดมิออกเลยว่าผู้ใดเป็นคนสังหารท่านเจ้าค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...