ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 1408

เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี

เขาตอบตกลงในทันที “ได้”

ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”

“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”

“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”

“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”

เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว

“หาได้มีปัญหาไม่!”

ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”

“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”

สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้

ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้องการหาคงจะเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองแห่งภูตผีจริง ๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ถูหมิงก็มิได้ลังเลอีกต่อไป “ได้!”

จากนั้นทั้งสองก็กลับไปยังปากถ้ำอีกครั้ง ทุกคนต่างมองพวกเขาด้วยความสงสัย ใคร่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน

ถูหมิงเรียกพรรคพวกมารวมตัวกันแล้วกำชับหลายเรื่อง

ตั้งใจว่าจะร่วมมือกับลั่วชิงยวนค้นหาสมบัติ หากสำเร็จ ของที่แต่ละคนได้รับคงมิน้อยทีเดียว

สุดท้ายทุกคนก็ตอบตกลง

พวกเขามายังเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ก็เพื่อสมบัติของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้อยู่แล้ว ทั้งยังได้ฝ่าฟันอันตรายมามากมายถึงเพียงนี้แล้ว จะมากลัวด่านสุดท้ายนี้ได้อย่างไร

จากนั้นทุกคนก็เข้าไปในถ้ำพร้อมกัน

ลั่วชิงยวนเดินนำหน้า

ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ บรรยากาศก็ยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น

เมื่อเดินไปจนสุดทางก็พบว่าถ้ำแห่งนี้มีโครงสร้างเหมือนกับถ้ำก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

กระทั่งรูปปั้นหินยังเหมือนกัน

เมื่อเห็นสถานที่แห่งนี้ ถูหมิงและคนอื่น ๆ กลับตื่นเต้นอย่างมาก

มีคนกระซิบเสียงเบาว่า “สุสานที่ฝูเหมิ่งเข้าไปก่อนหน้านี้ก็มีลักษณะเหมือนกับที่นี่ เขาได้โอสถศพมาหนึ่งเม็ด”

“ถ้าได้กินของสิ่งนั้นก็จะมีชีวิตอมตะ”

มีคนหนึ่งถูกศพชายคนนั้นจับตัวได้ และถูกกัดกินจนแทบมิเหลือสภาพเดิมและมิสามารถช่วยชีวิตได้แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็รุมโจมตีศพชายคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

ถูหมิงรีบตะโกน “อย่าเสียเวลา รีบถอย!”

คนอื่น ๆ รีบตามออกไป

แต่เสียดายที่มิอาจคว้าโอสถศพจากปากศพชายคนนั้นออกมาได้

เมื่อหนีออกมาจากถ้ำได้ ถูหมิงก็ถามขึ้น “แล้วจะไปที่ใดต่อ?”

ลั่วชิงยวนกล่าวว่า “ที่ที่เราจากมา สุสานที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้านนั้น”

ฉีเสวี่ยเวยกล่าวขึ้นอย่างมิพอใจ “กลับไปอีกแล้วรึ?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกข้าลำบากปานใดกว่าจะถ่อมาถึงที่นี่ได้ กลับไปเช่นนี้จะมิเท่ากับว่าพวกข้าดิ้นรนเปล่าประโยชน์หรือไร”

ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ “นั่นมันเจ้า”

“ข้าอยากไปไหนก็ไป ข้ามีอิสระ”

คำพูดเยาะเย้ยของลั่วชิงยวนทำให้ใบหน้าของฉีเสวี่ยเวยมืดมนลง นางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างโกรธแค้น

ถูหมิงหันไปจ้องหน้าฉีเสวี่ยเวย ฉีเสวี่ยเวยจึงมิกล้ากล่าวอะไรอีก

จากนั้นถูหมิงก็ถามลั่วชิงยวนอีกครั้ง “หากกลับไปแล้ว รับประกันได้ใช่หรือไม่ว่าจะมาที่นี่ได้อีก?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย