จดหมายเหล่านั้นเขียนถึงครอบครัวของนาง
ดูเหมือนว่าจะถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
ลั่วชิงยวนมิได้เปิดอ่าน
นี่คงเป็นจดหมายที่อวี๋ตันเฟิ่งเขียนหลังจากที่นางแยกทางกับครอบครัว เป็นคำพูดในใจที่อยากจะกล่าวแต่ก็มิอาจกล่าวได้
คิดดูแล้วหลังจากที่นางถูกโหยวจิ้งเฉิงฆ่า นางคงรู้สึกเสียใจที่มิได้ส่งจดหมายเหล่านี้ออกไป
อย่างน้อยก็คงพอจะบอกข่าวคราวให้คนในครอบครัวได้ทราบบ้าง จะได้มิเงียบหายไปนานถึงเพียงนี้
ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตอนนี้จะยังสามารถหาบิดามารดาและพี่น้องของอวี๋ตันเฟิ่งได้หรือไม่ แต่นางจะนำจดหมายเหล่านี้ลงจากเขาไปด้วย เพราะนี่เป็นหลักฐานว่านางเคยพบกับอวี๋ตันเฟิ่ง
เมื่อได้สิ่งของครบถ้วนแล้ว พวกนางก็เตรียมตัวลงจากเขา
เนื่องจากคนใบ้มิยอมเดินทางไปกับพวกนางด้วย ลั่วชิงยวนจึงกำชับลุงเฉิงให้จัดคนไปส่งคนใบ้ลงจากเขา
ในขณะที่กำลังออกกันไป ฟู่เฉินหวนที่ยืนอยู่บนยอดเขากำลังทอดสายตามองลงมาเงียบเชียบ ต้นไม้ในป่าหนาทึบ เขามองมิเห็นเงาร่างของลั่วชิงยวนเลย
เวลาผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ รู้สึกว่ายังไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ก็ต้องจากกันอีกแล้ว
“ชิงยวน หวังว่าคราวหน้าที่จะได้พบกันคงจะมิใช่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้”
ขณะที่กำลังลงจากเขา จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็หยุดเดินแล้วเหลียวมองไปยังยอดเขา
เฉินชีหันมามองนาง “มีกระไรหรือ?”
ลั่วชิงยวนหันกลับมา แล้วเดินลงเขาต่อ “เพียงแค่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เพราะอยู่ที่นั่นนานเกินไปเท่านั้น”
เฉินชียกยิ้มจาง “แต่ที่นั่นมิใช่ที่ของเจ้าสักหน่อย ตำแหน่งเจ้าเมืองเล็ก ๆ จะไปสำคัญกระไร เจ้าต้องเป็นนักบวชระดับสูงต่างหาก!”
ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใด
หลังจากลงจากเขาแล้วก็เห็นว่ารถม้าของเฉินชีเตรียมพร้อมเรียบร้อย กองทหารก็รอคอยอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ลั่วชิงยวนและอวี๋โหรวนั่งรถม้าคันเดียวกัน
การเดินทางค่อนข้างไกล กอปรกับถนนหนทางขรุขระ เมื่อออกเดินทางไปได้มินานลั่วชิงยวนก็เผลอหลับไป
ในขณะที่หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกข้างหูดังขึ้น
“ชิงยวน กินยาได้แล้ว ตื่นเร็ว”
ลั่วชิงยวนสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเสียงบุรุษ และเสียงก็มิเหมือนเสียงของเฉินชีด้วย
ลั่วชิงยวนมองไปยังรอยฟกช้ำบนใบหน้าของอวี๋โหรวแล้วรู้สึกผิดเล็กน้อย
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ “โหยวจิ้งเฉิงหรือ? เขาหายไปแล้วมิใช่หรือ?”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ใช่แล้ว เขากลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว”
“แต่มิรู้เหตุใด เมื่อกี้ข้าตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเขา และเห็นใบหน้าเขาด้วย”
ลั่วชิงยวนนึกถึงตอนที่โหยวจิ้งเฉิงสลายไป มีกลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งเข้าใส่หว่างคิ้วของนาง
“อาจจะเป็นเพราะกลิ่นอายชั่วร้ายของโหยวจิ้งเฉิงส่งผลกระทบต่อข้า ไม่มีอะไรน่าห่วง กลับไปพักผ่อนสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น”
อวี๋โหรวพยักหน้า “ก็คงเป็นเช่นนั้น”
“ร่างกายเจ้าอ่อนแอเกินไป จึงถูกพลังชั่วร้ายครอบงำได้ง่าย”
“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เจ้าต้องรับมือก็มิใช่ภูตผีธรรมดา”
ลั่วชิงยวนมีอาการเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป
ลั่วชิงยวนถอนหายใจ “แต่ร่างกายข้าคงฟื้นฟูได้ยากในเวลาอันสั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...