ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 1443

ซีกุ้ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าและใจเย็น แต่แฝงไว้ด้วยโทสะและความมิพอใจอันรุนแรง

ลั่วชิงยวนยิ้มแล้วกล่าวว่า “เมื่อก่อนเคยได้ยินกิตติศัพท์ความเย่อหยิ่งของกุ้ยเฟย วันนี้ได้มาเห็นกับตาก็ประจักษ์ด้วยตนเองแล้วเพคะ”

“มิแปลกใจเลยที่ส่งคนไปลอบสังหารมู่หยวนหยวนเพียงเพราะนางงดงาม และกำลังจะเข้าวังเป็นพระสนม นางทำให้กุ้ยเฟยหวาดระแวงถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของซีกุ้ยเฟยก็เปลี่ยนไป

แต่นางกลับมิโกรธ ยกคิ้วขึ้นแล้วคลี่ยิ้ม “เจ้ามาแก้ต่างให้มู่หยวนหยวนหรือ?”

“แท้จริงแล้วข้าก็ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เจ้ากับท่านนักบวชระดับสูงเคยไปจวนตระกูลมู่”

“มู่หยวนหยวนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คงจะจากเมืองหลวงไปกับฉีหงแล้วกระมัง? พวกเขาสุขสมหวังกันก็ต้องขอบคุณข้า”

“หากข้ามิได้จงใจปล่อยข่าวให้ฉีหงรู้ ฉีหงจะสามารถพาตัวมู่หยวนหยวนไปได้หรือ? ข้าได้ช่วยเหลือคู่รักคู่หนึ่งแต่เจ้ากลับกล่าวหาว่าข้าริษยานางที่นางงดงาม จึงคิดจะฆ่านางน่ะหรือ”

เมื่อพูดจบ ซีกุ้ยเฟยก็ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น พลางมองไปยังลั่วชิงยวน

นิ้วเรียวเล็กแตะเบา ๆ ที่บ่าของลั่วชิงยวน

ลั่วชิงยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“ส่วนเจ้า ร่างกายบอบบางเช่นนี้ มิอาจเป็นภัยคุกคามต่อฐานะของข้าได้หรอก”

“หากเจ้าเข้าวังไปก็คงมีชีวิตอยู่ได้มิเกินเดือน”

“ในวังแห่งนี้มิได้มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นเสือสิงห์กระทิงแรด”

ลั่วชิงยวนมองนางด้วยความสงสัย “ข่าวเรื่องที่ท่านจะสังหารมู่หยวนหยวน ท่านทรงจงใจปล่อยให้ฉีหงรู้หรือเพคะ?”

ซีกุ้ยเฟยนั่งลงบนตั่งอีกครั้งแล้วไขว่ห้างอย่างแช่มช้า “มิเช่นนั้นจะเป็นผู้ใดอีกเล่า?”

“หากข้าจะสังหารนาง แล้วจะปล่อยให้ฉีหงรู้ได้อย่างไร?”

ลั่วชิงยวนรู้สึกงุนงง “แล้วเหตุใดท่านจึงทรงขัดขวางมิให้มู่หยวนหยวนเข้าวังหรือเพคะ?”

“ท่านคงมิได้มีเมตตาช่วยเหลือพวกเขาทั้งสองจริง ๆ หรอกกระมังเพคะ?”

ซีกุ้ยเฟยหัวเราะเบา ๆ แล้วชี้มือไปยังผนัง “เจ้าจงเลื่อนภาพวาดนั้นออกไป”

ลั่วชิงยวนทำตาม เมื่อเลื่อนภาพวาดนั้นออกไปก็ปรากฏภาพอีกภาพหนึ่งอยู่ด้านล่าง

ภาพนั้นคือภาพเด็กสาววัยแรกแย้ม

ไม่มีปม้ปต่โอกาสที่จะได้สานสัมพันธ์กับฉีหงอีก

ช่างเป็นนกยวนยางคู่รักที่น่าสงสารยิ่งนัก

ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ซีกุ้ยเฟยก็ถามว่า “เจ้ามาถึงก็ซักถามเรื่องมู่หยวนหยวนกับข้า เจ้ากับมู่หยวนหยวนเป็นสหายกันหรือ?”

ลั่วชิงยวนได้สติ แล้วตอบว่า “เพคะ”

“หม่อมฉันเคยช่วยเหลือพวกเขาด้วย”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” ซีกุ้ยเฟยพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

จากนั้นนางก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าก็เป็นคนตรงไปตรงมา ถึงแม้เจ้าจะกล่าวจาบจ้วงข้า แต่ข้าก็มิถือสาเจ้าหรอก”

“หากเจ้าสามารถวินิจฉัยโรคของข้าได้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม”

ลั่วชิงยวนสังเกตเห็นว่าใบหน้าของซีกุ้ยเฟยมิได้ถูกรัศมีชั่วร้ายรบกวนแต่อย่างใด

นางขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างลังเลใจ “หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่ง มิรู้ควรกล่าวหรือมิควรกล่าวเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย