สิ่งที่เขาเห็นคือ รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เช่นนั้นนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ฉู่ลั่วสวมผ้าคลุมหน้าเช่นนั้นหรือ?
ลั่วชิงยวนพลันดึงผ้าคลุมหน้าลงพลางปิดบังใบหน้าแล้วจ้องมองเขาด้วยความโกรธจัด
ในยามนี้เอง ก็มีท่านป้าผู้หนึ่งถือตะกร้าเดินผ่านมาพลางเหลือบมองพวกเขาแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความรังเกียจว่า "เป็นบุรุษตัวโต ๆ สองคนแท้ ๆ พวกเจ้ามียางอายบ้างหรือไม่?"
ลั่วชิงยวนซัดฝ่ามือใส่หน้าอกของฟู่เฉินหวน เพื่อบังคับให้ฟู่เฉินหวนปล่อยนางไป
ตอนนั้นฟู่เฉินหวนรู้สึกตื่นตกใจและเห็นว่าฉู่ลั่วกำลังจะร่วงลงกับพื้น
แต่ทันทีที่ลั่วชิงยวนหล่นสู่พื้น นางก็ใช้มือยันพื้นพลางพลิกตัวแล้วร่อนลงอย่างสง่างาม
นางปกปิดรอยแผลเป็นตรงแก้มแล้วจ้องฟู่เฉินหวนตาเขม็ง "ท่านอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน! ท่านสงสัยหน้าตาของผู้อื่นจนมิสนใจว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นเลยใช่หรือไม่?"
น้ำเสียงตั้งคำถามอันเย็นชาทำให้ฟู่เฉินหวนแววตามืดดำลงบ้าง "ข้า..."
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าฉู่ลั่วคล้ายกับลั่วชิงยวนเกินไป มิหนำซ้ำจู่ ๆ ก็มีเทพพยากรณ์ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง เขาจึงรู้สึกว่าออกจะน่าสงสัยอยู่บ้าง
ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายต้องสวมผ้าคลุมหน้า
แต่ลั่วชิงยวนหาได้ฟังคำอธิบายของเขา จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
นางเดินออกไปจากตรอกแล้ว
เมื่อเห็นร่างของนาง เดินจากไป ฟู่เฉินหวนก็หรี่ตามองด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
ลั่วชิงยวนมิได้เหลียวหลังกลับไป แต่นางกลับใจเต้นไม่เป็นส่ำและยังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง
เมื่อกลับมาที่ร้าน นางก็เปิดประตูและดำเนินกิจการต่อไป
แต่ฟู่เฉินหวนมิได้ตามมาอีก
ในที่สุดร้านก็สงบสุขไปอีกครึ่งวัน
……
วันรุ่งขึ้น
ลั่วชิงยวนหยิบไม้กวาดมากวาดหิมะบนพื้นตามปกติ แต่วันนี้นางไม่เห็นเงาร่างดังกล่าวปรากฏตัวท่ามกลางหิมะอีก
ขณะที่นางกวาดสายตามอง ก็อดมิได้ที่จะเหลียวกลับไปมอง
แต่หามีผู้ใดอยู่บนถนน
เมื่อลั่วชิงยวนเห็นนางยื่นข้อมือออกมาก็รู้สึกตื่นตกใจ "ฮูหยิน การทำนายดวงชะตาไม่จำเป็นต้องจับชีพจรหรอก"
"จับชีพจรให้ข้าสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอันใดกระมัง" แม่สื่อหลิวจงใจล้อเล่นกับนาง เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังมากพอให้ได้ยินไปทั่วทั้งถนน
ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงพลางกล่าวว่า "ฮูหยิน ท่านคิดจักกระทำอันใดกันแน่?"
จากนั้นแม่สื่อหลิวก็ชักมือกลับแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ที่จริงแล้ว ข้าเป็นแม่สื่อ ท่านเรียกข้าว่าแม่สื่อหลิวก็ได้เจ้าค่ะ วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องสมรสให้ท่านเซียนฉู่!"
"ท่านเซียนฉู่คงหาทราบไม่ แต่สตรีมากมายในละแวกนี้ต่างหลงรักท่านเซียนฉู่ เพราะท่านเซียนฉู่เป็นผู้มากพรสวรรค์ที่มิอาจพบได้ในตระกูลมั่งคั่งใด ๆ"
"หากเป็นเขยแต่งเข้าตระกูล ก็ไม่จำเป็นต้องมาตั้งแผงทำนายดวงชะตาในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้อีกแล้ว!"
"ข้าป้าหลิวคิดเงินค่าแนะนำคู่แต่งงานให้ผู้อื่น แต่สำหรับบุรุษรูปงามเช่นท่าน ข้าไม่คิดเงินหรอกเจ้าค่ะ"
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว นางไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่ซ่งเชียนฉู่กล่าวจะเป็นความจริง
ยามนี้แม้แต่แม่สื่อก็มาเยือนเสียแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินว่ามีแม่สื่อมาจัดการเรื่องให้เทพพยากรณ์เลยก็ว่าได้
ลั่วชิงยวนจึงเอ่ยปฏิเสธว่า "ขอบคุณในน้ำใจของท่านยิ่งนัก แต่หาจำเป็นไม่ ท่านป้าหลิวมิต้องมาเสียเวลากับข้าหรอก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...