นางเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว “สตรีต่ำช้าอย่างหม่อมฉันหาได้คู่ควรกับท่านอ๋องไม่! ไฉนท่านอ๋องจึงไม่หย่ากับหม่อมฉันเล่า?!”
“เจ้า!” ฟู่เฉินหวนโกรธจัด ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยแววหนาวเหน็บเย็นชา
ลั่วชิงยวนมิได้แปลกใจที่ฟู่เฉินหวนจะเดือดดาลถึงเพียงนั้น
อ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นสถานะอันสูงศักดิ์
นางจะไปสถานที่อย่างหอนางโลมเพื่อร่ายรำ แล้วทำให้ตนต้องชื่อเสียงมัวหมองได้อย่างไรกัน?
นางรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ขืนนางไปร่ายรำที่หอนางโลม หากมีผู้ใดพบเข้าก็จะเป็นความผิดร้ายแรง
แต่เพื่อให้ได้เงื่อนงำเกี่ยวกับมารดาของตนจากลิ่นฝูเสวี่ย นางจึงไม่มีทางเลือก
นางไม่คาดคิดเลยว่า ฟู่เฉินหวนจะจับได้เร็วถึงขนาดนั้น
“ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพคะ ต่อให้ท่านหย่ากับหม่อมฉันแล้วอภิเษกสมรสกับลั่วเยวี่ยอิง พ่อตาของท่านก็ยังเป็นลั่วไห่ผิง หามีอันใดเปลี่ยนแปลงแต่ไม่”
น้ำเสียงเรียบนิ่งของลั่วชิงยวนฉายแววเยียบเย็น
“อย่างไรเสีย หม่อมฉันก็จะร่ายรำเช่นนี้ต่อไป ถ้าหากท่านอ๋องคิดจะป่าวประกาศออกไป ท่านก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตนเองด้วยเพคะ”
นางมองฟู่เฉินหวนด้วยท่าทีสงบนิ่ง วาจาของนางแฝงไปด้วยแววข่มขู่
ฟู่เฉินหวนย่อมได้ยินอยู่แล้ว จากนั้นโทสะในใจก็ยิ่งแผดเผารุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ข่มขู่เขากระนั้นหรือ?
ใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ให้เขาเก็บความลับของนางเชียวหรือ?
เขาเป็นถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้เป็นที่เคารพยกย่อง เคยโดยผู้อื่นจัดการเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ลั่วชิงยวน เจ้าช่างดีนัก!” ฟู่เฉินหวนโกรธจัด
เขากำข้อมือของนางเอาไว้แน่นพลางก้มมองนางแล้วเอ่ยเสียงเคร่ง “เจ้าชอบร่ายรำให้บุรุษดูนักมิใช่หรือไร? เช่นนั้นก็จงไปร่ายรำที่จวนตระกูลหลิวเสียให้พอใจ!”
ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นตะลึง
จวนตระกูลหลิว?
ใต้เท้าหลิวผู้นั้นหรือ?
นางดวงตาเบิกกว้างแล้วมองฟู่เฉินหวนอย่างยากจะเชื่อสายตาตนเอง “ท่านเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?”
“อ๊ะ เช่นนั้น…” ซ่งเชียนฉู่รู้สึกเป็นกังวล
“ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น ฟู่เฉินหวนจักรักษาชื่อเสียงของตนเองและมิได้แพร่งพรายออกไป ตอนนี้เจ้าก็กลับไปได้แล้ว”
ซ่งเชียนฉู่รู้ว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่เมื่อเห็นว่าลั่วชิงยวนไม่อยากเอ่ยสิ่งใดอีก นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบตกลง
“เช่นนั้นหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านต้องมาหาข้านะ! ยังมีแม่ทัพใหญ่ฉิน เฉินเซี่ยวหานแล้วก็องค์ชายเจ็ดอีก ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ อย่าได้แบกรับเอาไว้แต่เพียงลำพังเป็นอันขาด”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า “อย่าห่วงไปเลย ข้ารู้ว่ากำลังทำอันใดอยู่”
ซ่งเชียนฉู่ถึงได้ยอมออกจากตำหนักอ๋องไป
หลังจากนั้น ก็มีองครักษ์อีกสองสามนายมาประจำการอยู่นอกเรือนเพื่อเฝ้าจับตามองนาง
ยามรุ่งอรุณในอีกสามวันต่อมา ฟู่เฉินหวนก็กลับมาที่เรือนของนางอีกครั้ง
เขานำของบางอย่างมาด้วย
“เปลี่ยนชุดพวกนี้เสีย ข้าจักพาเจ้าไปที่จวนตระกูลหลิว” น้ำเสียงเรียบนิ่งของฟู่เฉินหวนติดจะเย็นชาอยู่บ้าง
เมื่อลั่วชิงยวนเห็นชุดที่วางอยู่บนโต๊ะ นางก็รู้สึกกระดูกสันหลังเย็นวาบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...