“เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะยอมแพ้เช่นกัน เจ้าหนีมิพ้นหรอก"
หลังจากลั่วชิงยวนกล่าวจบ นางก็หันหลังเดินจากไป
ท่านอาฉินรู้สึกตื่นตกใจแล้วมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีร้อนรนกังวลใจ นางขมวดคิ้วหมายจะเอ่ยวาจา แต่ก็เห็นเงาร่างของหายลับตาไปเสียแล้ว
หมายความว่าอันใดกัน? ฝูเสวี่ยหมายความว่าอันใดกัน?
นางมั่นใจกล่าวเรื่องนั้นออกมาได้อย่างไรกัน? เพราะเหตุใดกัน?
หลังจากลั่วชิงยวนออกมา นางก็ไปพบใต้เท้าเหอที่ท้ายเรือน
ใต้เท้าเหอไล่คนรับใช้ออกไปแล้ว ทั้งเรือนจึงเหลือเพียงพวกเขาสองคน
“ฝูจ้าวสงสัยในตัวท่านหรือไม่เจ้าคะ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถาม
ใต้เท้าเหอส่ายหน้า “เรื่องนี้เกิดขึ้นในหอฝูเสวี่ย กอปรกับมีหลายคนกำลังมองอยู่ เรียกได้ว่าข้ามิอาจเล่นพรรคเล่นพวกให้โจ่งแจ้งนัก มิหนำซ้ำองค์ชายเจ็ดก็อยู่ด้วย ดังนั้นข้าจึงช่วยท่านอาฉินมิได้”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี เขาได้ขอให้ท่านช่วยท่านอาฉินหรือไม่?”
ใต้เท้าเหอตอบว่า “บัดนี้ยังหรอก เขาแค่มาไต่ถามรายละเอียดเท่านั้น”
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากลั่วชิงยวนพูดจบ นางก็เตรียมจะจากไป แต่จู่ ๆ นางก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดเดินแล้วถามใต้เท้าเหอว่า “โม่เซียนอวี้ผู้นั้นถูกขังเอาไว้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? นางทำอันใดเข้าหรือ?”
เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกประหลาดใจ “มิใช่เพราะนางใส่ร้ายแม่นางฝูเสวี่ยหรอกหรือ? ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการถึงได้ออกคำสั่งให้จับกุมตัวนาง”
พอลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง
เป็นเขาที่ออกคำสั่งจับกุมตัว...
“ข้าก็แค่อยากยืนยันเท่านั้น”
หลังออกจากศาลาว่าการแล้ว ลั่วชิงยวนก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดให้ดี ๆ ฟู่เฉินหวนก็มิจำเป็นต้องช่วยนางระบายโทสะ
ไยนางต้องเก็บมาใส่ใจด้วยเล่า?
หลังจากคิดแบบนี้แล้ว นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
……
“วันนี้แม่นางฝูเสวี่ยมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?”
ฝูจ้าวนึกกับตนเองว่าถึงแม้ฝูเสวี่ยจะรู้ว่าเมื่อคืนตนขโมยโฉนดที่ดิน แต่หามีหลักฐานใดไม่ ดังนั้นย่อมทำอันใดมิได้อยู่แล้ว
ไม่เช่นนั้นนางคงไม่รีบร้อนมาหยั่งเชิงตนเช่นนั้นหรอก
“ข้าแค่มาหาคุณชายฝู เพราะเกรงว่าเมื่อคืนท่านอาจได้รับบาดเจ็บ ได้ยินว่าเมื่อคืนมีมือสังหารที่มีวรยุทธ์แก่กล้าปรากฏตัวด้วยเจ้าค่ะ”
เมื่อฝูจ้าวได้ยินเช่นนี้ เขาก็เลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “ข้ามิเป็นอันใด ขอแม่นางฝูเสวี่ยอย่าได้กังวลใจ”
ฝูจ้าวทำทียกถ้วยชาขึ้น ทว่ากลับมีประกายเย็นชาผุดขึ้นในดวงตาของเขา
ลั่วชิงยวนเองก็ยกถ้วยชาขึ้นเช่นกัน ยามที่นางกำลังจะดื่ม จู่ ๆ นางก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “จริงด้วยสิ เมื่อคืนนี้คุณชายฝูต่อสู้กับหัวขโมยใช่หรือไม่เจ้าคะ? ท่านพอช่วยอธิบายรูปพรรณสัณฐานของหัวขโมยได้หรือไม่? เผื่อข้าขอให้ใต้เท้าเหอร่างภาพเหมือนแล้วจับกุมตัวเขา”
“เมื่อคืนข้าก็สะเพร่าเสียจริงเชียว ข้าดันสับเปลี่ยนตราประทับของจริงเอาไว้ล่วงหน้า แต่กลับมิได้ตระเตรียมคนให้วางกับดักเพื่อจับหัวขโมยผู้นั้นเสียได้!”
หลังจากลั่วชิงยวนพูดจบก็เตรียมที่จะดื่มชา
เมื่อฝูจ้าวได้ยินเช่นนี้เข้าก็ตกตะลึง พอเห็นลั่วชิงยวนกำลังจะดื่มชา เขาก็รีบร้องตะโกนขึ้นมาว่า "ช้าก่อน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...