ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 53

ยังมีอีกหลายคนที่คิดว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นผีน้ำจริง ๆ

ไป๋ถังถูกวางยาพิษจริง ๆมันไม่ใช่ยาพิษที่ทำให้เสียชีวิตได้ในทันที แต่มันทำให้คนเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด ตามมาด้วยผิวหนังที่เน่าเปื่อย เหยื่อจะตายโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก เจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ทว่ากลับต้องตายอนาถ

วิธีการของนางรับใช้ทั้งสามคนต่างกันก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ การตายของพวกนางจะดูน่าขนลุกอย่างยิ่ง และเมื่อพรุ่งนี้พบศพของพวกนางทั้งสามคนก็จะให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวว่า พวกเขาเสียชีวิตด้วยคำสาป หรือถูกวิญญาณอาฆาตพยาบาท

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางยาพิษมีจุดประสงค์มากกว่านั้น ไม่ใช่เพียงนางรับใช้สามคนนี้เท่านั้น

ตำหนักอ๋องแห่งนี้ช่างคึกคักดีเสียจริง

ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น แม่นมเติ้งก็เดินเข้ามาในห้อง

"พระชายาเจ้าคะ บ่าวลองถามพวกนางทั้งสามคนดูแล้ว พวกนางบอกว่า หลังจากถูกช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อคืนก็มิได้คิดปลิดชีพตนเอง แต่บ่าวไม่ทราบว่าเหตุไฉนเมื่อคืนถึงเกิดเรื่องร้ายพวกนั้นจนกระตุ้นให้ปลิดชีพตนเอง พวกนางจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไม่มากเท่าไหร่ นี่มันแปลกประหลาดเจ้าค่ะ”

ลั่วชิงยวนแววตามืดดำ จากนั้นนางก็ค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "เมื่อคืนมีคนวางแผนเอาไว้ ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรหรอก"

เมื่อแม่นมเติ้งได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตื่นตกใจ "มีคนวางแผนหรือเจ้าคะ? เช่นนั้นจะทำร้ายพวกนางทั้งสามคนไปทำไมกัน?

"พวกนางทั้งสามคนไม่ควรจะตกเป็นเป้าหมาย" ลั่วชิงยวนค่อยๆ หรี่ตาพลางครุ่นคิด แววตาไหวระริกแล้วยกยิ้มมุมปาก "พรุ่งนี้เราจะได้รู้ตัวคนก่อนเหตุ"

"พรุ่งนี้หรือเจ้าคะ?" แม่นมเติ้งรู้สึกสับสน

ลั่วชิงยวนจึงสั่งการว่า "ไปบอกพวกบ่าวรับใช้ว่า นางรับใช้ทั้งสามคนตายไปแล้ว มิหนำซ้ำยังตายในสภาพน่าอนาถ ถ้าหากเจ้าติดตามเงื่อนงำที่มีอยู่ไปก็จะรู้ว่าผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราว และผู้ใดที่ให้ความสนใจกับเรื่องนั้น"

"เจ้าค่ะ"

ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็กลับเข้ามาในห้องของนางรับใช้ทั้งสามคน พวกนางทั้งสามคนยังรู้สึกหวาดกลัวจนสีหน้าซีดขาว

"ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะรู้ว่าถูกคนวางยาพิษใช่หรือไม่?" ลั่วชิงยวนเอ่ยถามระหว่างที่ก้าวเดินเข้ามาแล้วนั่งลง

พวกนางทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วผงกศีรษะ

"เช่นนั้นพวกเจ้ายินดีจะร่วมมือกับข้าเพื่อตามหาตัวคนร้ายหรือไม่? สิ่งที่ข้าอยากจะพูดนั้น คิดว่าแม่นมเติ้งน่าจะบอกพวกเจ้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะเผชิญกับเรื่องน่าเจ็บปวด ทว่าตราบใดที่เรื่องไม่แพร่งพรายออกไป พวกเจ้าก็ยังสามารถอยู่ดีมีสุขและอยู่ข้างกายบิดามารดาของตนได้

ฟู่เฉินหวนกลอกตาพลางลุกขึ้น "ปลิดชีพตนรึ?"

ซูโหยวสีหน้าขรึมเคร่ง "ไม่พ่ะย่ะค่ะ มิหนำซ้ำยังตายอนาถยิ่งนัก มีคนในตำหนักพูดกันมาสักพักหนึ่งและถึงกับมีคำร่ำลือเรื่องวิญญาณร้ายอาฆาตอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วสวมชุดคลุม "ไปดูกันเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น"

ซูโหยวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "ท่านอ๋อง อย่าไปดูเลยพ่ะย่ะค่ะ ตายอนาถนัก กระหม่อมตรวจสอบห้องมาแล้ว เมื่อคืน... น่าจะมีคนไปที่ห้องของพวกนาง

เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ เขาก็ชะงักฝีเท้า "ผู้ใดกัน?!"

ซูโหยวขมวดคิ้วพลางรู้สึกกระอักกระอ่วนและลังเลใจอยู่บ้าง "เป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อฟู่เฉินหวนได้ฟังคำตอบก็ทั้งตกตะลึงและราวกับคาดคิดเอาไว้อยู่แล้ว จากนั้นแววโทสะก็ผุดขึ้นตรงหว่างคิ้วของเขา "โบยยี่สิบไม้ยังไม่ทำให้นางสำนึกได้สินะ ดูเหมือนว่าเปิ่นหวางไม่ควรจะยั้งมือไว้ไมตรีอีกต่อไปแล้ว!"

ดวงตาของเขาฉายแววขุ่นเคืองพลางสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปจากห้องด้วยความโกรธเกรี้ยว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย