ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นแล้วขมวดคิ้วใส่เขา “ท่านปกป้องนางกระนั้นหรือเพคะ?”
ลั่วชิงยวนทราบคำตอบของคำถามข้อนี้อยู่แล้ว แต่นางก็เลือกที่จะถามอยู่ดี
ผลลัพธ์ที่นางได้ย่อมต้องเป็นฝ่ามือของฟู่เฉินหวนอยู่แล้ว
ฝ่ามือที่ตบลงมาโดยมิทันตั้งตัว ทำให้ลั่วชิงยวนล้มหมดสติไป
ฟู่เฉินหวนรีบอุ้มลั่วชิงยวนขึ้นมาแล้วเหลือบมองมาที่ลั่วเยวี่ยอิงพลางขมวดคิ้ว “รีบพานางไปหาหมอ!”
หลังจากเขาพูดจบก็อุ้มลั่วชิงยวนแล้วหันหลังหมายที่จะจากไป
“ท่านอ๋อง!” ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกร้อนใจเสียจนแข้งขาพลันอ่อนยวบ การมองเห็นดับวูบแล้วล้มลง
คนข้างกายรีบเข้ามาประคองนางเอาไว้แล้วร้องอุทานครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อฟู่เฉินหวนเหลียวกลับไปมองแล้วบังเกิดแรงดลใจที่จะช่วยเหลือลั่วเยวี่ยอิงอย่างมิอาจควบคุมได้ ทว่าเหตุผลก็ทำให้เขามองลั่วชิงยวนที่อยู่ในอ้อมแขน
หน้ากากของนางเกิดรอยร้าวเสียแล้ว หากมิได้พานางไป ตัวตนของนางย่อมถูกล่วงรู้เข้าเป็นแน่!
ฟู่เฉินหวนชะงักฝีเท้าไปเพียงชั่วขณะ จากนั้นเขาก็รีบเดินจากไป
ฟู่จิ่งหลีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วอุ้มลั่วอวิ๋นสี่ขึ้นจากพื้น
ในยามนี้เอง คนของทางการก็มาถึงแล้วรีบเข้าไปดับไฟตรงลานสนาม
ฟู่เฉินหวนขึ้นรถม้าพลางกล่าวว่า “ข้าจักพานางกลับไปก่อน ส่วนเจ้าก็พาลั่วอวิ๋นสี่กลับไปที่จวนมหาราชครู”
“ได้” ฟู่จิ่งหลีตอบตกลงแล้วเหลือบมองคนในอ้อมแขนด้วยท่าทีจนใจ
……
เมื่อตอนที่ลั่วชิงยวนฟื้นขึ้นมา นางกำลังนอนอยู่ในหอฝูเสวี่ย โดยมีกลิ่นโอสถลอยอวลอยู่จาง ๆ ในอากาศ
“แม่นาง ท่านฟื้นแล้ว!” แม่เล้าเฉินรู้สึกดีใจนักแล้วรีบเดินเข้ามาช่วยประคองนางให้ลุกขึ้น
“แม่นาง รีบกินโอสถเถิดเจ้าค่ะ”
ลั่วชิงยวนนวดก้านคอที่เจ็บร้าวแล้วหวนระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะหมดสติไป นางก็ขมวดคิ้วว “ผู้ใดส่งข้ากลับมา?”
“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการเจ้าค่ะ!” แม่เล้าเฉินกล่าวพลางยิ้มกริ่มจนปากแทบฉีกถึงรูหู “ตอนที่ท่านอ๋องเสด็จมาถึงแลดูร้อนพระทัยยิ่งนัก พระองค์ถึงขนาดผลัดอาภรณ์ให้ท่านโดยมิยอมให้พวกเราแตะต้องท่านเชียวนะเจ้าคะ”
เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า สีหน้าของนางก็พลันไม่น่ามองยิ่ง “ผลัดอาภรณ์กระนั้นหรือ?”
นางก้มมองและพบว่านางได้ผลัดเปลี่ยนชุดเป็นอาภรณ์สะอาดสะอ้านแล้วจริง ๆ เมื่อนางยกมือขึ้นสัมผัสหน้ากาก นางก็รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนหน้านี้
หลังออกมาจากหอฝูเสวี่ย นางก็รีบไปที่สวนเซียงอู๋
ยามนี้มีผู้คนจำนวนมากล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้ โดยมีคนของทางการคอยกันมิให้ผู้ใดผ่านเข้าไปได้
เหล่าผู้ชมดูเหตุการณ์ต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา “สถานที่ดี ๆ เช่นนั้นกลับถูกเผาวอดไปกว่าครึ่งเสียได้ ช่างน่าเสียดายนัก”
“มิใช่หรือไรเล่า? ข้าเคยเข้าไปในสวนเซียงอู๋แห่งนี้มาก่อน แต่ยามนี้มันหายวับไปเสียแล้ว”
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว วันนี้นางอยู่ในสวนเซียงอู๋สักพักหนึ่งเห็นจะได้ ข้างในมิได้ใหญ่โตกว้างขวางถึงขนาดนั้น ลำพังแค่เพลิงไหม้ตรงท้ายเรือนจะทำลายสวนเซียงอู๋ไปกว่าครึ่งหนึ่งได้เชียวหรือ?
นางจึงอดมิได้ที่จะถามว่า “ไหม้ไปกว่าครึ่งกระนั้นหรือ? ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียว?”
อีกฝ่ายรู้สึกตกตะลึงพลางกล่าวว่า “คนของทางการที่เข้าไปดับเพลิงได้รับบาดเจ็บมิทราบตั้งเท่าไหร่? เจ้าคิดว่าร้ายแรงหรือไม่เล่า?”
เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ นางก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว ยังมิทันถึงคิมหันตฤดูเลย มิหนำซ้ำอากาศก็ยังชื้นอยู่ เช่นนั้นเพลิงจะลุกไหม้เร็วถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน
เว้นเสียแต่ว่าจะมีผู้ใดเข้ามาดัดแปลงเรือนให้เผาไหม้ได้ง่าย
แต่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ลั่วเยวี่ยอิงคงมิอาจกระทำเพียงผู้เดียวได้แน่
ดูท่าทางน่าจะมีผู้ใดสักคนคอยช่วยเหลือนางอยู่เบื้องหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...