ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 548

ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นแล้วขมวดคิ้วใส่เขา “ท่านปกป้องนางกระนั้นหรือเพคะ?”

ลั่วชิงยวนทราบคำตอบของคำถามข้อนี้อยู่แล้ว แต่นางก็เลือกที่จะถามอยู่ดี

ผลลัพธ์ที่นางได้ย่อมต้องเป็นฝ่ามือของฟู่เฉินหวนอยู่แล้ว

ฝ่ามือที่ตบลงมาโดยมิทันตั้งตัว ทำให้ลั่วชิงยวนล้มหมดสติไป

ฟู่เฉินหวนรีบอุ้มลั่วชิงยวนขึ้นมาแล้วเหลือบมองมาที่ลั่วเยวี่ยอิงพลางขมวดคิ้ว “รีบพานางไปหาหมอ!”

หลังจากเขาพูดจบก็อุ้มลั่วชิงยวนแล้วหันหลังหมายที่จะจากไป

“ท่านอ๋อง!” ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกร้อนใจเสียจนแข้งขาพลันอ่อนยวบ การมองเห็นดับวูบแล้วล้มลง

คนข้างกายรีบเข้ามาประคองนางเอาไว้แล้วร้องอุทานครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อฟู่เฉินหวนเหลียวกลับไปมองแล้วบังเกิดแรงดลใจที่จะช่วยเหลือลั่วเยวี่ยอิงอย่างมิอาจควบคุมได้ ทว่าเหตุผลก็ทำให้เขามองลั่วชิงยวนที่อยู่ในอ้อมแขน

หน้ากากของนางเกิดรอยร้าวเสียแล้ว หากมิได้พานางไป ตัวตนของนางย่อมถูกล่วงรู้เข้าเป็นแน่!

ฟู่เฉินหวนชะงักฝีเท้าไปเพียงชั่วขณะ จากนั้นเขาก็รีบเดินจากไป

ฟู่จิ่งหลีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วอุ้มลั่วอวิ๋นสี่ขึ้นจากพื้น

ในยามนี้เอง คนของทางการก็มาถึงแล้วรีบเข้าไปดับไฟตรงลานสนาม

ฟู่เฉินหวนขึ้นรถม้าพลางกล่าวว่า “ข้าจักพานางกลับไปก่อน ส่วนเจ้าก็พาลั่วอวิ๋นสี่กลับไปที่จวนมหาราชครู”

“ได้” ฟู่จิ่งหลีตอบตกลงแล้วเหลือบมองคนในอ้อมแขนด้วยท่าทีจนใจ

……

เมื่อตอนที่ลั่วชิงยวนฟื้นขึ้นมา นางกำลังนอนอยู่ในหอฝูเสวี่ย โดยมีกลิ่นโอสถลอยอวลอยู่จาง ๆ ในอากาศ

“แม่นาง ท่านฟื้นแล้ว!” แม่เล้าเฉินรู้สึกดีใจนักแล้วรีบเดินเข้ามาช่วยประคองนางให้ลุกขึ้น

“แม่นาง รีบกินโอสถเถิดเจ้าค่ะ”

ลั่วชิงยวนนวดก้านคอที่เจ็บร้าวแล้วหวนระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะหมดสติไป นางก็ขมวดคิ้วว “ผู้ใดส่งข้ากลับมา?”

“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการเจ้าค่ะ!” แม่เล้าเฉินกล่าวพลางยิ้มกริ่มจนปากแทบฉีกถึงรูหู “ตอนที่ท่านอ๋องเสด็จมาถึงแลดูร้อนพระทัยยิ่งนัก พระองค์ถึงขนาดผลัดอาภรณ์ให้ท่านโดยมิยอมให้พวกเราแตะต้องท่านเชียวนะเจ้าคะ”

เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า สีหน้าของนางก็พลันไม่น่ามองยิ่ง “ผลัดอาภรณ์กระนั้นหรือ?”

นางก้มมองและพบว่านางได้ผลัดเปลี่ยนชุดเป็นอาภรณ์สะอาดสะอ้านแล้วจริง ๆ เมื่อนางยกมือขึ้นสัมผัสหน้ากาก นางก็รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนหน้านี้

หลังออกมาจากหอฝูเสวี่ย นางก็รีบไปที่สวนเซียงอู๋

ยามนี้มีผู้คนจำนวนมากล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้ โดยมีคนของทางการคอยกันมิให้ผู้ใดผ่านเข้าไปได้

เหล่าผู้ชมดูเหตุการณ์ต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา “สถานที่ดี ๆ เช่นนั้นกลับถูกเผาวอดไปกว่าครึ่งเสียได้ ช่างน่าเสียดายนัก”

“มิใช่หรือไรเล่า? ข้าเคยเข้าไปในสวนเซียงอู๋แห่งนี้มาก่อน แต่ยามนี้มันหายวับไปเสียแล้ว”

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว วันนี้นางอยู่ในสวนเซียงอู๋สักพักหนึ่งเห็นจะได้ ข้างในมิได้ใหญ่โตกว้างขวางถึงขนาดนั้น ลำพังแค่เพลิงไหม้ตรงท้ายเรือนจะทำลายสวนเซียงอู๋ไปกว่าครึ่งหนึ่งได้เชียวหรือ?

นางจึงอดมิได้ที่จะถามว่า “ไหม้ไปกว่าครึ่งกระนั้นหรือ? ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียว?”

อีกฝ่ายรู้สึกตกตะลึงพลางกล่าวว่า “คนของทางการที่เข้าไปดับเพลิงได้รับบาดเจ็บมิทราบตั้งเท่าไหร่? เจ้าคิดว่าร้ายแรงหรือไม่เล่า?”

เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ นางก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว ยังมิทันถึงคิมหันตฤดูเลย มิหนำซ้ำอากาศก็ยังชื้นอยู่ เช่นนั้นเพลิงจะลุกไหม้เร็วถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน

เว้นเสียแต่ว่าจะมีผู้ใดเข้ามาดัดแปลงเรือนให้เผาไหม้ได้ง่าย

แต่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ลั่วเยวี่ยอิงคงมิอาจกระทำเพียงผู้เดียวได้แน่

ดูท่าทางน่าจะมีผู้ใดสักคนคอยช่วยเหลือนางอยู่เบื้องหลัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย