จ้าวต้าเปียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่นใจว่า “ข้าคิดจะเผาสวนเซียงอู๋จริง ๆ! ข้าทำงานอยู่ในสวนเซียงอู๋มาหลายปี ยามที่ข้าเห็นเหล่าคุณชายและคุณหนูผู้มั่งคั่งพวกนั้นต่างพากันมาที่สวนเซียงอู๋ด้วยท่าทีสุขสำราญใจเช่นนั้น ข้าก็รู้สึกขุ่นเคืองใจนัก!”
“ไฉนพวกเราต้องเกิดมายากจนข้นแค้น? ไฉนพวกเราต้องมีชีวิตลำบากลำบนถึงเพียงนี้! หลังจากพวกเราตรากตรำทำงานหนักมาตลอดปี เงินที่พวกเราหามาได้ยังมีมูลค่ามิเท่ากับถ้วยชาสักใบที่บรรดาคุณชายและคุณหนูพวกนั้นใช้เลยกระมัง? เพราะเหตุใดกัน!”
ลั่วชิงยวนหรี่ตาเล็กน้อยแล้วอดมิได้ที่จะเหลือบมองมาที่ลั่วไห่ผิง
ลั่วไห่ผิงจงใจเตือนสติจ้าวต้าเปียว
เขาพยายามที่จะช่วยลั่วเยวี่ยอิงให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา
หรือว่าเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วย?
เรื่องนี้เตือนให้ลั่วชิงยวนระลึกถึงการเสียชีวิตของท่านมหาราชครู
อย่างไรเสียวันนั้นครั้นเมื่อท่านมหาราชครูพบปะกับลั่วไห่ผิงตามลำพัง ก็คงมีแต่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องที่คุยกัน
ลั่วไห่ผิงแค่นเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าย่อมต้องแยกออกเป็นสองคดีอยู่แล้ว!”
“ฝูเสวี่ยเป็นสตรีจากหอนางโลมแท้ ๆ แต่บังอาจวางแผนสังหารหลานสาวของท่านมหาราชครูและบุตรสาวของข้า คงมีผู้ใดอยู่เบื้องหลังเป็นแน่! หากมิลงทัณฑ์แล้วพวกเราจักล่วงรู้ความจริงได้อย่างไรกัน!”
“ใครก็ได้! ไปเอาไม้หนีบขามา!”
ลั่วไห่ผิงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด โดยมิได้หารือกับใต้เท้าเหอสักนิด
ใต้เท้าเหอสีหน้ามิน่ามองยิ่งนัก แต่กลับมิสามารถปฏิเสธได้ ตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่งมีอำนาจล้นพ้น ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงเรื่องที่คนผู้นี้เป็นอัครเสนาบดีที่เป็นขุนนางขั้นหนึ่งประจำราชวงศ์ในยามนี้เลย
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เดิมทีนางตระเตรียมให้ลั่วอวิ๋นสี่เป็นผู้พลิกสถานการณ์ ขอเพียงอีกฝ่ายมา นางมิเพียงแต่จะรอดพ้นข้อกล่าวหาไปได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ลั่วเยวี่ยอิงต้องแบกรับข้อกล่าวหาได้อีกด้วย
ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าลั่วอวิ๋นสี่จะไม่มา
ไม้หนีบขาถูกลากมาตรงหน้าของนาง จากนั้นลั่วชิงยวนก็ถูกบังคับจับกดลงกับพื้น มือไม้ของนางถูกมัดเอาไว้แล้วสอดไม้หนีบขาเข้าไป ทันทีที่ออกแรงก็ทำให้ความเจ็บปวดรุนแรงจู่โจมใส่นางทันที
ในยามนี้เอง
น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น…
“ช้าก่อน!”
บุรุษสูงศักดิ์ผู้หนึ่งเดินโบกพัดจีบเข้ามา เป็นฟู่จิ่งหลีนั่นเอง
แต่แล้วฟู่จิ่งหลีก็ล้วงเอาตั๋วแลกเงินปึกหนาออกมาจากแขนเสื้อแล้วขว้างใส่หน้าของหวังเยวี่ยชิง
“นี่เป็นตั๋วแลกเงินที่พบในเรือนของเจ้า บุตรชายของเจ้าบอกว่ามีท่านลุงคนหนึ่งมอบให้เจ้าแล้วสั่งให้เจ้าไปให้การเท็จ เจ้ามีอันใดจะอธิบายหรือไม่?”
หวังเยวี่ยชิงพลันสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอันมาก “ท่านพบบุตรชายของข้าหรือ? อย่าแตะต้องบุตรชายของข้าเชียวนะ!”
“ข้าบอกแล้วเจ้าค่ะ! มีคนมอบเงินให้ข้าแล้วสั่งให้ข้ามาเป็นพยานและใส่ร้ายฝูเสวี่ย เขามอบเงินให้ข้ามากมายเหลือเกิน ข้าจึงคิดเอาไปไถ่ตัวแล้วหนีไปพร้อมกับบุตรชาย นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้ ขะ... ข้าเสียสติจนยอมตกปากรับคำ...”
ในตอนนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
ใต้เท้าเหอตกใจมากเสียจนทุบค้อนตะลุมพุก “จ้าวต้าเปียว หวังเยวี่ยชิง พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาโป้ปดเพื่อใส่ร้ายผู้อื่น!”
“จงอธิบายเรื่องทุกอย่างที่พวกเจ้ารู้ รวมทั้งผู้ที่บีบคั้นขู่เข็ญพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้ายอมรับสารภาพ บางทีโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา!”
เมื่อจ้าวต้าเปียวได้ยินเช่นนี้ก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเพียงครึ่งซีก แต่หลังมือของเขา...”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดให้จบคำ จู่ ๆ ก็มีพลังสังหารอันบ้าคลั่งปะทะใส่เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...