ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 568

บนพื้นมีศพถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

คนของทางการยังคงหามศพแล้ววางลงไปทีละศพ

พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนรับใช้ของจวนมหาราชครู

เมื่อลั่วอวิ๋นสี่เดินออกมาเห็นภาพนี้เข้า นางก็พลันยกมือปิดปากพลางพิงกับกรอบประตูแล้วทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความเศร้าโศก

นักการในศาลาว่าการรายงานต่อใต้เท้าเหอ หลังจากฟังเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใต้เท้าเหอก็เดินเข้ามาบอกพวกนางทั้งสองคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“มิพบผู้รอดชีวิตในจวนมหาราชครู”

แม้แต่ลั่วหรงก็ถูกสังหาร เรียกได้ว่าเป็นการสังหารล้างตระกูลก็ว่าได้

“ศพที่อยู่ข้างนอกเป็นศพของมือสังหารใช่หรือไม่?”

ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เจ้าค่ะ”

“ทุกคนในจวนมหาราชครูล้วนตายตกด้วยน้ำมือของมัน”

เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็ทอดมองลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ข้างกายนาง “วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นในจวนมหาราชครูกันแน่? แม่นางลั่ว เจ้าตามข้าไปที่ศาลาว่าการแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังได้หรือไม่?”

อย่างไรเสียจวนมหาราชครูก็เกือบที่จะถูกสังหารล้างตระกูล เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นขึ้นในเมืองหลวง หากเขามิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็คงมิสามารถให้คำอธิบายได้ เบื้องบนย่อมต้องตำหนิเขาลงมาเป็นแน่

เมื่อลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้ามองลั่วชิงยวนแล้วถามว่า “หากข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกมันก็จะสังหารข้าปิดปากต่อไปอีกใช่หรือไม่?”

ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ใช่”

เนื่องจากลั่วอวิ๋นสี่ทราบความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนเซียงอู๋เมื่อวันนั้น นางจึงเป็นพยานปากสำคัญ หากลั่วอวิ๋นสี่ยังมีชีวิตอยู่ คนทั้งใต้หล้าก็คงจะล่วงรู้ถึงสิ่งที่ลั่วเยวี่ยอิงได้กระทำลงไป

นางมิยอมให้เกิดเสี่ยงขึ้นเป็นแน่

ลั่วอวิ๋นสี่มองใต้เท้าเหอ “ท่านช่วยประกาศออกไปว่า ข้าเองก็ตายไปแล้วได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“เอ่อ เรื่องนี้...” ใต้เท้าเหออดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว

ในยามนี้เอง ลั่วชิงยวนก็ครุ่นคิดชั่วขณะแล้วลากใต้เท้าเหอเข้ามาในห้อง “ใต้เท้าเหอ หากลั่วอวิ๋นสี่ยังมีชีวิตอยู่ คนพวกนั้นคงมิยอมละเว้นและจะต้องสังหารนางทิ้งเป็นแน่”

“ยามนี้จวนมหาราชครูเหลือบุตรีเพียงสองคนเท่านั้นแล้ว ท่านช่วยนางประกาศออกไปว่า จวนมหาราชครูโดนสังหารล้างตระกูลและหามีผู้ใดรอดชีวิตได้หรือไม่เจ้าคะ?”

ใต้เท้าเหอนึกถึงงานเลี้ยงวันเกิดของท่านมหาราชครูที่แสนจะคึกคักมีชีวิตชีวา จวนมหาราชครูช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรุ่งโรจน์ ทว่ายามนี้กลับลงเอยด้วยจุดจบอันน่าสังเวช

ชวนให้คนอดที่จะทอดถอนใจมิได้

ลั่วอวิ๋นสี่ดวงตาแดงก่ำและพยายามที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้

นางรู้ว่าลั่วชิงยวนอาจจะปฏิเสธเพราะนางมิเคยปฏิบัติกับลั่วชิงยวนดีเลยสักครั้ง

แต่ลั่วชิงยวนกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “หากข้ามิช่วยเจ้า ข้าก็คงจากไปเสียนานแล้ว ไยข้าต้องไถ่ถามเจ้าด้วยเล่า?”

เมื่อลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินเช่นนี้ก็มองมาที่นางด้วยสายตาตื่นตะลึง “เพราะเหตุใดกัน...”

ลั่วชิงยวนเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ทีแรกเจ้าน่ารำคาญมากจริง ๆ แต่เมื่อเจ้ารู้ว่าลั่วเยวี่ยอิงคิดทำร้ายข้า เจ้าก็ห้ามนางไว้โดยมิได้ลังเลใจ แสดงให้เห็นว่าเจ้ากับลั่วเยวี่ยอิงหาใช่คนจำพวกเดียวกันไม่ จิตใจของเจ้ายังมิได้ชั่วร้ายเท่ากับนาง เจ้ายังพอดีสติอยู่บ้าง”

“ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีข้าก็คิดแก้แค้นให้ท่านอาลั่วหรงกับท่านมหาราชครูอยู่แล้ว”

ลั่วอวิ๋นสี่กลั้นน้ำตาเอาไว้พลางรู้สึกสับสน

ตอนแรกนางรู้สึกเกลียดชังลั่วชิงยวนนัก โดยเฉพาะหลังจากการนางสวมรอยเข้าพิธีวิวาห์แทน นางรู้สึกว่าคนผู้นี้ช่างเจ้าแผนการ ทั้งยังชั่วช้าไร้ยางอายและคิดว่ายามที่เข้าหานาง ทุกคำที่อีกฝ่ายเอ่ยกับนางเป็นเพราะมีแรงจูงใจแอบแฝง

แต่นางมิคาดคิดเลยว่าในสถานการณ์อันสิ้นหวังและอับจนหนทางอย่างถึงที่สุด ผู้ที่ยินดีช่วยเหลือนางกลับเป็นลั่วชิงยวน

“เจ้ามอบหน้ากากให้ข้าได้หรือไม่?” ลั่วอวิ๋นสี่ร้องขอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย