ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 648

พระตำหนักที่นี่ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ มีรอยไหม้อยู่ทุกที่ อีกทั้งพระตำหนักก็พังทลายลงหลายแห่ง กลายเป็นซากปรักหักพัง

ทั้งสองเดินเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ เมื่อก้าวเท้าเหยียบเศษซากเหล่านั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นทันที

เข็มทิศในอ้อมแขนของลั่วชิงยวนมีปฏิกิริยาอย่างชัดเจน นางยังคงเดินหน้าเข้าไปต่อ

เมื่อเข้าไปในห้องโถงด้านใน ม่านที่ถูกไฟไหม้ก็พลิ้วไหวราวกับผ้าขี้ริ้ว ทันทีที่ลมกระโชกแรงพัดเข้ามาหานาง ร่างสีดำก็พุ่งออกมาข้างหน้าพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันโศกเศร้าที่ดังก้องอยู่ในหูของลั่วชิงยวน

ลั่วชิงยวนหลบไปด้านข้าง นางรีบดึงฟู่เฉินหวนออกไปอย่างรวดเร็ว “ระวัง!”

ฟู่เฉินหวนเฝ้าดูรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เขามิอาจสัมผัสได้ถึงสิ่งใดเลยนอกจากสายลม

ขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังเฝ้าดูสิ่งที่กำลังหลบหนี นางจึงหยิบเข็มทิศของนางออกมาทันที วงเวทย์สีทองก็ปรากฏขึ้นมาปิดกั้นเส้นทางของสิ่งนั้นทันที

ร่างของสตรีที่ลอยอยู่ในอากาศค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในสายตาของลั่วชิงยวน

ผมสีดำซึ่งยาวมาก ปลายผมไม่สม่ำเสมอ มีร่องรอยจากการถูกไฟเผา และแม้แต่ประกายไฟติดอยู่บางส่วน

ใบหน้าของสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยรอยแผลที่ถูกไฟเผา ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความเกลียดชัง “เหตุใดเจ้าถึงเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่น?!”

ลั่วชิงยวนถามกลับ “เหตุใดเจ้าถจึงจงเกลียดจงชังหลิวไท่เฟยถึงเพียงนี้? เหตุใดจึงมาตามหลอกหลอนพระนางเช่นนี้?”

สิ่งนี้มีสติสัมปชัญญะและสามารถไปยังตำหนักหลิวไท่เฟยเพื่อทำร้ายหลิวไท่เฟยได้อย่างไม่ทิ้งร่องรอย หากมิใช่เพราะมีคนจงใจเลี้ยงดูมันขึ้นมา มันก็คงจะฝึกฝนบางอย่างเช่นเดียวกับหลินฝูเสวี่ย

“เจ้ามาที่นี่เพื่อนางงั้นรึ? ผู้สมรู้ร่วมคิด! เจ้าก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย! ไปลงนรกเสีย!”

ใบหน้าของสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยความดุร้าย ทันใดนั้นนางก็ยื่นมือออกพร้อมกับเล็บอันแหลมคมเข้ามาโจมตี

ลั่วชิงยวนตอบสนองอย่างรวดเร็วและหลบเลี่ยง ทว่า เป้าหมายการโจมตีของสตรีผู้นั้นมิใช่นาง แต่เป็นฟู่เฉินหวนซึ่งอยู่ด้านหลังของนางไม่ไกล

ฟู่เฉินหวนรู้สึกเพียงรังสีอันแหลมคมที่กำลังพุ่งเข้ามา เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเขาก็ล้มลงกับพื้น

ขณะที่เล็บอันแหลมคมของสตรีผู้นั้นแทงฟู่เฉินหวนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีทองที่ระเบิดออกมาก็สะท้อนสตรีผู้นั้นให้กระเด็นออกไป

ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ นางเกือบลืมไปว่าฟู่เฉินหวนได้รับการปกป้องด้วยพลังมังกร

นางเหวี่ยงโซ่อักขระออกไปทันที พร้อมกับร่ายอาคมเพื่อจัดการสตรีผู้นั้นอย่างรวดเร็ว โซ่อักขระพันรอบตัวนาง จากนั้นดวงแก้วก็ตกลงบนฝ่ามือของนาง

พระตำหนักค่อย ๆ กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง กลิ่นอายอันดุร้ายก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเช่นกัน

ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นแล้วเดินไปดูดวงแก้วในมือของนางด้วยความงุนงง เขาเคยเห็นสิ่งเดียวกันนี้ที่หอนางโลม

ก่อนออกเดินทาง หลิวไท่เฟยจับมือของลั่วชิงยวนแล้วกระซิบว่า “ชิงยวน โปรดอย่าเล่าเรื่องเหล่านี้ให้เจ้าเจ็ดได้รับรู้เลยนะ”

“ต่อจากนี้หากเจ้าอยากรู้สิ่งใด เจ้าก็แวะมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

“แต่เจ้าต้องมาคนเดียว”

ขณะที่หลิวไท่เฟยพูด นางก็เหลือบมองฟู่เฉินหวนซึ่งอยู่ไม่ไกลอย่างหวาดกลัว

ลั่วชิงยวนผงะ แต่จากนั้นนางก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เพคะ”

หลิวไท่เฟยมีลางสังหรณ์ว่านางกำลังจะถามอะไรบางอย่าง เช่นนั้นนางจึงตัดไฟแต่ต้นลม

เรื่องนี้ยังไม่อาจบอกกล่าวให้ฟูเฉินหวนรู้ได้

อีกทั้งเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับกบฏนอกพระราชวัง

เรื่องนี้สำคัญมากจนไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ฟู่เฉินหวนจะรู้เรื่องนี้

หลังจากออกจากวังหลวงพร้อมกับฟู่เฉินหวนแล้ว ฟู่จิ่งหลีก็บังเอิญมาเยี่ยมเช่นกัน ลั่วชิงยวนจึงมอบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นให้ฟู่จิ่งหลี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย