มารดาของเขาก็ชอบร่ายรำใต้แสงจันทร์ด้วยเช่นกัน!
ลั่วเยวี่ยอิง พยักหน้า “เพคะ”
ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกภูมิใจ ด้วยคำแนะนำของบิดาที่มอบให้แก่นางนั้นได้ผลจริง ๆ!
……
ลั่วชิงยวนจากไปแล้วเดินตรงกลับไปยังที่พักของนาง
เมื่อเข้าไปในลานตำหนัก นางก็เห็นร่างโปร่งสีขาวภายใต้แสงจันทร์ แสงจันทร์ตกกระทบร่างอันหล่อเหลาและเสื้อผ้าสีขาวของเขา ท่ามกลางแสงสว่างนั้น เขาดูราวกับเทพเซียนที่มาจุติลงในโลกมนุษย์
“องค์ชายห้า?” ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้า
“ท่านมิได้ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำหรือ?”
ฟู่อวิ๋นโจวยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ไม่สำคัญว่าข้าจะไปหรือไม่”
“เจ้าว่างหรือไม่? ไปเดินเล่นด้วยกันได้หรือไม่?”
ลั่วชิงยวนต้องการปฏิเสธ แต่ทิวทัศน์บนภูเขานั้นงดงามมากจริง ๆ อีกทั้งเวลานี้นางก็ยังไม่ง่วงนอน ด้วยความเบื่อหน่ายนางจึงตอบตกลง
“เพคะ”
ทั้งสองคนเดินออกจากตำหนักไปเดินเล่น
ลมยามค่ำคืนอันหนาวเย็นทำให้ฟู่อวิ๋นโจวซึ่งสวมอาภรณ์เพียงบาง ๆ เริ่มไอขณะที่เดินออกไปไกลเรื่อย ๆ
ลั่วชิงยวนหยุดเดิน ก่อนที่จะเอ่ยว่า “เหตุใดท่านมิกลับไปสวมอาภรณ์ที่หนากว่านี้เพคะ?”
ฟู่อวิ๋นโจวส่ายหน้า “ข้าชินแล้ว เดินต่อไปกันเถอะ”
ลั่วชิงยวนเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ท่านหาได้จำเป็นต้องฝืนถึงเพียงนี้ไม่ ท่านมิกล้าแม้แต่จะรักษาร่างกายด้วยซ้ำไป”
ฟู่อวิ๋นโจวยิ้ม “โชคชะตาของทุกคนล้วนแตกต่างกัน ไม่เพียงแต่ชาติกำเนิดที่แตกต่างเท่านั้น การใช้ชีวิตก็แตกต่างเช่นกันด้วย สิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น"
“หากมิใช่เพราะสิ่งนี้ ข้าเกรงว่าแม้แต่การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลินี้ข้าก็มิอาจมาได้”
“หากเจ้าสามารถทำสิ่งที่เจ้าชอบได้ในชีวิตที่มีข้อจำกัด และมองเห็นความกว้างใหญ่ของใต้หล้านี้ได้อย่างใกล้ชิด ก็นับว่าชีวิตนี้จะมิสูญเปล่าแล้ว”
ฟู่อวิ๋นโจวชื่นชมแสงจันทร์อันงดงามด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาดีขึ้นหลังจากที่เขาเดินขึ้นมาบนภูเขา
ลั่วชิงยวนยิ้มพลางพูดว่า “เป็นเรื่องดีที่ท่านมีความคิดเช่นนี้ อย่ากังวลไปเลยเพคะ ท่านมืใช่คนอายุสั้น ใต้หล้าแห่งนี้กว้างใหญ่มากนัก มิหน้ำซ้ำยังมีทิวทัศน์อีกมากมายรอคอยให้ท่านได้ไปเยือนชม”
เมื่อมองดูสีหน้าจริงจังของนาง ฟู่อวิ๋นโจวก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา “ข้าขอยืมคำพูดดี ๆ เหล่านี้ได้หรือไม่?”
ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “หม่อมฉันมิรู้ว่ามีความแค้นแบบใด”
“แต่ท่านมิต้องกังวล หม่อมฉันจะระวัง”
ฟู่อวิ๋นโจวพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวอยู่เสมอ”
ทั้งสองพูดคุยและเดินไปจนถึงสวนเล็ก ๆ
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็เห็นฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุขท่ามกลางบรรยากาศภายใต้แสงจันทร์ในศาลา
ลั่วชิงยวนหยุดเดิน สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฟู่อวิ๋นโจวก็เห็นท่าทีเหล่านั้นเช่นกัน เขามองไปยังลั่วชิงยวนอย่างกังวล
“บางทีท่านพี่อาจมีเรื่องที่ต้องหารือกับลั่วเยวี่ยอิง”
“ท่านยังคงพูดแทนเขาอีกงั้นหรือ” ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันหลังกลับ
ฟู่อวิ๋นโจวตามไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงียบไปตลอดทาง โดยไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดเพื่อปลอบนางหรือไม่
เมื่อมองดูสีหน้าเศร้าโศกของฟู่อวิ๋นโจวว ลั่วชิงยวนก็ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “หาได้ต้องกังวลไม่ หม่อมฉันคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...