ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 711

ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นชา “นางมิตายหรอก มีดมิได้แทงลึกเสียหน่อย”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฟู่อวิ๋นโจวก็ประหลาดใจ แต่แล้วก็พยักหน้า “ดีแล้ว มิเช่นนั้นเสด็จพี่จะต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับนางเป็นแน่”

“นี่มิใช่ติดเป็นหนี้บุญคุณแล้วหรือ?” ลั่วชิงยวนเหลือบมองรถม้าที่อยู่ข้างหลัง

หมอหลวงกำลังรักษาผู้ป่วยในรถม้า และฟู่เฉินหวนนั่งอยู่นอกรถม้า โดยให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายในอย่างประหม่า

ลั่วชิงยวนมองออกไปเพียงเล็กน้อย และไม่ได้มองไปอีกเลย

รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปยังเมืองหลวง หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบไปตลอดทาง

ในที่สุดพวกเขาก็ถึงเมืองหลวงโดยสวัสดิภาพ

เนื่องจากลั่วเยวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บ ฟู่เฉินหวนจึงพานางไปที่ตำหนักอ๋อง แทนที่จะส่งนางกลับไปที่จวนอัครเสนาบดี

แต่ฟู่เฉินหวนเพิ่งบอกให้ซูโหยวดูแลนาง

หมอหลวงหลายคนได้รับเชิญให้มาที่นี่

และฟู่เฉินหวนก็ไปที่วังหลวงอีกครั้ง อย่างไรก็มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียนที่ต้องรายงาน สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นการตัดสินโทษของเหยียนหน่ายซิน

แต่ก็ยากที่จะบอกว่านี่จะสร้างปัญหาให้กับตระกูลเหยียนได้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว ยังมีไทเฮาอยู่ทั้งคน

ฟู่อวิ๋นโจวกลับไปที่เรือนทักษิณาเช่นกัน แต่เมื่อไม่มีหมอกู้ เรือนทักษิณาก็กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเข้าไปใหญ่

ลั่วชิงยวนกังวลว่าเขาจะมิสามารถเปลี่ยนยาได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นนางจึงขอให้แม่นมเติ้งจัดนางรับใช้ที่ไว้ใจได้สองคนให้มารับผิดชอบในการเปลี่ยนยาและอาภรณ์

ซูโหยวรู้เรื่องนี้แต่มิได้พูดอะไร

เมื่อลั่วชิงยวนกลับมาที่เรือน นางขอให้จือเฉาเปลี่ยนอาภรณ์ให้ เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บบนร่างกายของผู้เป็นนาย จือเฉาจึงตกใจมาก “พระชายา ออกไปข้างนอกแค่ไม่กี่วัน เหตุใดท่านถึงต้องทุกข์ทรมานมากเพียงนี้เจ้าคะ!”

“บ่าวได้ยินมาว่าญาติผู้น้องของท่านมาที่ตำหนักอีกแล้ว หากอาการบาดเจ็บของนางแย่ลง นางคงไม่ต้องอยู่ในตำหนักตลอดไปหรือเจ้าคะ?”

สิ่งที่จือเฉากลัวที่สุดคือคุณหนูรองลั่ว

ยามใดที่นางอยู่ ยามนั้นไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้น

“มิต้องสนใจนาง” ลั่วชิงยวนกัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวด

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บระหว่างการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลินี้ เรียกได้ว่าบาดเจ็บสาหัสทีเดียว

เกรงว่าหัวหน้ากององครักษ์ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยจะถูกลงโทษอย่างหนัก

หลังจากเปลี่ยนยาแล้ว ลั่วชิงยวนก็ทำความสะอาดตัวเอง และกินยาจากนั้นก็ผล็อยหลับไป

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว ฟู่เฉินหวนก็เอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า”

“ลั่วเยวี่ยอิงอาจต้องอยู่ในตำหนักไปสักพัก เจ้าพยายามหลีกเลี่ยงนาง อย่าได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน และอย่าพูดอะไรเพื่อทำให้นางอารมณ์เสีย”

โดยปกติแล้ว ลั่วชิงยวนจะต้องมิพอใจอย่างแน่นอน

แต่ในเวลานี้นางกลับสงบมากและตอบอย่างสงบ “นั่นเป็นเรื่องของท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสินใจเอง มิจำเป็นต้องปรึกษาเรื่องนี้กับหม่อมฉัน”

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาขอให้นางอยู่เฉย ไม่ทำร้ายลั่วเยวี่ยอิง ไม่ทำให้ลั่วเยวี่ยอิงระคายเคือง ไม่ยั่วยุลั่วเยวี่ยอิง

แต่เขาได้บอกลั่วเยวี่ยอิงว่าอย่ามาทำร้ายลั่วชิงยวนบ้างหรือไม่?

ฟู่เฉินหวนเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของนาง เขาเอ่ยปากช้า ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการช่วยฉินเชียนหลี่”

“ฉินเชียนหลี่จำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อเสริมสร้างการป้องกัน แต่อนารยชนมีจำนวนไม่มากและอยู่กระจัดกระจายกัน การโจมตีไร้แบบแผนและไม่มีทัพบัญชาการ พวกเขามิได้ก่อภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อแคว้นเทียนเชวีย หากตระกูลเหยียนคัดค้านเรื่องงบประมาณ เรื่องที่เขาหวังคงมิสำเร็จ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็มองเขาด้วยความตกใจ

“นี่ท่านหมายถึงอะไร? กำลังขู่หม่อมฉันหรือเพคะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย