ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “ไปตรวจสอบหมอกู้ ดูว่าเขาเป็นหมอกู้ตัวจริงหรือไม่”
ซูโหยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็พยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”
คำสั่งล่าสุดของท่านอ๋องเริ่มแปลกมากขึ้น
แต่เขาก็ยังปฏิบัติตาม
ลั่วชิงยวนกลับไปที่ห้องและนั่งลงอย่างเงียบ ๆ สีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
จือเฉาเมื่อเห็นนางหน้าบูดบึ้งจึงปลอบโยนนาง “พระชายา อย่าทะเลาะกับท่านอ๋องเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องแค่เข้าใจพระชายาผิดไปก็เท่านั้น”
ลั่วชิงยวนกลับมามีสติอีกครั้ง นางหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองไปที่จือเฉา “ต้นกำเนิดของหมอกู้เป็นเช่นไรกันแน่”
“หรือจะมีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่รู้ถึงตัวตนและภูมิหลังของเขา?”
ขณะที่นางพูด นางก็พึมพำกับตัวเอง “ในห้องตำราของท่านอ๋องน่าจะมีประวัติของหมอกู้อยู่”
จือเฉาตกตะลึง “มิได้หนาเจ้าคะ พระชายา! ห้องตำราถือเป็นสถานที่สำคัญมาก หากท่านคิดขโมยอะไรไป แล้วท่านอ๋องทรงทราบขึ้นมา ท่านอ๋องจะมิปล่อยท่านไปง่าย ๆ เป็นแน่!”
ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้
ในเวลาต่อมา ลั่วชิงยวนขอให้จือเฉาคอยจับตาดูความเป็นไปของห้องตำราอย่างใกล้ชิด และมองหาโอกาสให้นางอยู่เสมอ
แต่อีกหลายวันต่อมา ฟู่เฉินหวนเอาแต่อยู่ในตำหนักไม่ออกไปไหน และอยู่ในห้องตำราเกือบตลอดทั้งวัน ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงไม่มีโอกาสได้เข้าไป
บางทีเขาอาจกลัวว่านางจะทำร้ายลั่วเยวี่ยอิงอีกครั้งก้เป็นได้ เขาจึงว่าราชการหลายอย่างอยู่ในตำหนักและมิได้ออกไปไหนเลย
ในวันนี้จือเฉาเข้าไปในห้องแล้วเอ่ยว่า “พระชายา ท่านอ๋องเรียกหาเจ้าค่ะ”
ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย “เขาต้องการอะไรจากข้า?”
“ต้องไปที่ห้องตำรารึ?”
จือเฉาพยักหน้า
ลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืนทันที หยิบบางอย่างขึ้นมาแล้วใส่ลงในแขนเสื้อของตน
……
เมื่อมาถึงห้องตำรา ฟู่เฉินหวนกำลังนั่งพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ความเย็นชาแพร่ออกมาจนสัมผัสได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็ยิ้มอย่างเย็นชา “หม่อมฉันสร้างความวุ่นวายให้ท่านงั้นหรือ?”
นางมองไปที่ฟู่เฉินหวนอย่างแน่วแน่ “เช่นนั้นหากหม่อมฉันพบหลักฐานว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหมอกู้เล่า ท่านจะว่าอย่างไร?"
“ลั่วชิงยวน เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ช่วยสงบสติอารมณ์หน่อยได้หรือไม่?” ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว ท่าทางดูไม่มีความสุข
ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ไม่ได้!”
“หม่อมฉันกำลังจะถูกฆ่า ยังจะมาสนใจอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ บนร่างกายของตัวเองเช่นนี้อยู่หาปะไร?”
“ท่านคิดว่าหม่อมฉันกำลังสร้างปัญหาโดยมิสมควร ก็ได้ เช่นนั้นหม่อมฉันจะพลิกตำหนักนี้ให้คว่ำทีเดียว!”
ลั่วชิงยวนโยนถุงผ้าที่เตรียมมาใส่เขาโดยตรง
ฟู่เฉินหวนสูดดมผงแป้งนั้นเข้าไปเต็ม ๆ เมื่อเขาเห็นถุงผ้านั้น เขาก็รู้สึกเวียนศีรษะ
เมื่อเขาตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาก็มองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยความตกใจ “เจ้า! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไร…”
ลั่วชิงยวนเฝ้าดูฟู่เฉินหวนล้มลงด้วยสายตาที่ไม่แยแส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...