ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 210

ด้วยการประลองที่ดำเนินต่อไป ผู้ที่ตกรอบก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวานเฉินหู่ชนะการประลอง แต่เนื่องจากปีนี้ได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจึงพ่ายแพ้ไปในท้ายที่สุด

ต่อจากนั้นกู้หมิงเฟิงก็โดนสุ่มจับขึ้นมาอีกครั้ง เขาชนะอย่างง่ายดายเนื่องจากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่

ไม่นานก็ถึงตามู่หงอวี๋ลงไปประลองอีกครั้ง

คู่ต่อสู้ของนางเป็นหญิงสาวจากสำนักไท่เหยี่ยน นามว่าอวี๋ฉิง

อวี๋ฉิงมีรูปร่างเพรียวบาง รูปโฉมนับได้ว่างดงาม นัยน์ตาคู่นั้นกลับน่าเอ็นดู เพิ่มเสน่ห์อ่อนหวานทำให้คนหวั่นไหว

เหมือนดอกไม้ขาวที่พลิ้วไหวไปตามสายลม

ในทางกลับกัน มู่หงอวี๋มีความกระตือรือร้นแน่วแน่ ตรงไปตรงมา ดุจดั่งดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่ง

ทั้งสองยืนอยู่บนลานประลอง สว่างไสว สะดุดตาเป็นพิเศษ

มู่หงอวี๋เหลือบมองอวี๋ฉิงพลางยิ้ม

“เจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่หรือ? งั้นดียิ่ง! ในที่สุดก็ได้สู้สมใจอยากเสียที !”

นัยน์ตาอวี๋ฉิงฉายแววประหลาดใจราวกับคาดไม่ถึงว่ามู่หงอวี๋จะตรงไปตรงมาและเกรี้ยวกราดเช่นนี้ นางเผยรอยยิ้มอ่อนละมุนบางๆ

“ข้าเพิ่งบรรลุขั้นได้ไม่นานนัก อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านก็เป็นได้ เรามาแลกเปลี่ยนฝีมือกันสักหน่อยดีกว่า”

มู่หงอวี๋รู้สึกแปลกประหลาด

นางก็เพิ่งบรรลุขั้นนี่นา!

ตอนนี้ยังไม่ทันเริ่มประลองเลย เหตุใดอวี๋ฉิงผู้นี้ถึงบอกว่ามิใช่คู่ต่อสู้นางเล่า?

งานสมาคมเยาวชนเป็นการแข่งขันระหว่างสำนักและศิษย์ เหตุใดถึงนางถึงมีท่าทางคล้ายว่าจะไม่อยากสู้เช่นนั้นเล่า?

อย่างไรเสียครั้นเห็นอวี๋ฉิงมีท่าทางอ่อนโยนเช่นนี้ มู่หงอวี๋ก็ไม่ครุ่นคิดให้มากความ

“ดี! เราเริ่มกันเลยดีกว่า!”

พอพูดจบก็ขยับตัวแล้วจู่โจมก่อน!

ทั้งสองต่อสู้กันในทันที!

เนื่องจากทั้งสองต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ดังนั้นพละกำลังทั้งสองจึงไม่ต่างกันมากไม่ว่าจะในระยะใกล้หรือไกล จึงไม่ได้มีความซับซ้อนถึงเพียงนั้น

มู่หงอวี๋ชอบเป็นฝ่ายรุก วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ร่างกายของนางฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมแล้วและยังบรรลุขั้นพอดี ตอนนี้จึงมีจิตวิญญาณนักสู้เต็มเปี่ยม ใช้พละกำลังทั้งหมดทันทีที่ลงมือ!

อวี๋ฉิงต่อสู้รบรากับนางมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่านางเริ่มตั้งรับไม่ไหวจึงเริ่มถอยหนี

มู่หงอวี๋เห็นดังนั้นก็วางแผนจะตีงูบนต้นไม้เพื่อโจมตีศัตรูในยามอ่อนแอ เข้าประชิดต่อไป!

หลังจากทั้งสองเริ่มประลองกันได้ไม่นาน อวี๋ฉิงก็ตกเป็นรอง ถอยร่นไปเรื่อยๆ จวนจะตกขอบลานประลอง!

…..

“อีกประเดี๋ยวหงอวี๋คงชนะการประลองรอบนี้ได้อย่างง่ายดาย!”

แม้เฉินหู่จะตกรอบ แต่เขาก็รู้ตัวว่าตัวเองมีพละกำลังไม่เท่าคนอื่น จึงไม่ได้ผิดหวังมากนัก

เมื่อเห็นว่ามู่หงอวี๋จะชนะแล้ว เขาก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา

ทว่ากู้หมิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างกลับไม่ได้มีสีหน้าผ่อนคลายเลยสักนิด ในทางกลับกันยังขมวดคิ้วเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทางเขาเป็นเช่นนี้ เฉินหู่จึงถามด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไรไปเล่า? มีสิ่งใดผิดปกติอย่างนั้นหรือ?”

กู้หมิงเฟิงเงียบสักพักแล้วส่ายหน้า

“อวี๋ฉิงผู้นั้นแปลกไปเสียหน่อย”

“เอ๊ะ? นางแปลกที่ใด? เหตุใดข้าถึงมองไม่ออก?”

เฉินหู่เต็มไปด้วยความสงสัย อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

มู่หงอวี๋ยังคงโจมตีต่อไป อวี๋ฉิงตกเป็นรองโดยสิ้นเชิง

หากเป็นไปตามสถานการณ์นี้ บทสรุปก็สามารถเห็นได้เพียงปราดเดียว!

……

“อวี๋ฉิงผู้นี้ช่างน่าสนใจ”

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อชมเหตุการณ์บนลานประลอง

ซือหยางได้ยินที่นางพูดก็อดถามไม่ได้ “ที่เจ้าพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร?”

เนื่องจากซือหยางเป็นปรมาจารย์ เขาจึงไม่ค่อยเข้าใจแนวทางผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่

เวลานี้เขายังบรรลุอยู่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง แน่นอนว่าย่อมดูไม่ออกถึงอุบายนี้

ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้น

“เจ้าว่าผู้ใดจะชนะ?”

ซือหยางตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “มู่หงอวี๋แน่นอน! นี่ไม่ว่าใครก็ดูออกอยู่แล้วกระมัง? อวี๋ฉิงนั่นไม่มีพลังโต้ตอบเลย โดนไล่ล่าตลอด!”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ ทว่าสายตากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม

“หากนางไร้พลังโต้ตอบจริง แล้วเหตุใดถึงถูกไล่ตามอยู่เสียนานกลับไม่บาดเจ็บสักนิดเลยล่ะ? กระทั่งเส้นผมยังไม่ยุ่งผันกันแม้แต่น้อย”

“เอ๊ะ?”

แต่ทว่าก็สายไปเสียแล้ว!

อวี๋ฉิงที่เร็วสู้นางไม่ได้กลับเคลื่อนไหวเร็วขั้นสุดยอดในเวลานี้ ไม่เพียงแต่หลบฝ่ามือมู่หงอวี๋ได้อย่างหวุดหวิด นางยังคว้าคอเสื้อมู่หงอวี๋ได้ทัน!

นางใช้แรงลากมู่หงอวี๋พร้อมกับหมุนปลายเท้าตัวเองหันตัวไป!

ทันใดนั้นทั้งสองก็เปลี่ยนตำแหน่งกันในท้ายที่สุด!

บัดนี้คนที่ยืนอยู่ขอบลานประลองกลับกลายเป็นมู่หงอวี๋!

มู่หงอวี๋รีบคว้าแขนของนางโดยพลัน หันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่นางร่วงจากตรงนี้ ก็จะตกรอบในทันใด!

“อวี๋ฉิง! เจ้านั้นเหลี่ยมจักเช่นนี้นี่เอง!”

มู่หงอวี๋คิดย้อนกลับไปก็เข้าใจกลอุบายอวี๋ฉิงได้ในทันที!

นางแสดงท่าทางอ่อนแอตั้งแต่อยู่บนลานประลอง เอาแต่ถอยหนีครั้งแล้วครั้งเล่าจนมาถึงตรงนี้นางถึงจะเริ่มสู้กลับในตอนท้าย!

จุดประสงค์คือเพื่อที่จะสู้กลับโดยผลักนางลงไปในช่วงเวลาแบบนี้!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็เอาชนะได้สำเร็จโดยแทบไม่ต้องเปลืองแรง!

“ต่ำทราม!”

พอมู่หงอวี๋เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ ปอดก็เจียนจะระเบิด!

อวี๋ฉิงกะพริบตาปริบๆ ราวกับไร้เดียงสาไม่มีพิษสง

“กฎการประลองบอกไว้ด้วยหรือว่าทำเช่นนี้ไม่ได้? ก็แค่ประลองกันเท่านั้นเอง ชนะก็พอแล้วมิใช่หรือ?”

ขณะที่พูด จู่ๆนางก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลดเสียงลง แววตาเยาะเย้ยเย็นชาอยู่หลายส่วน

“คนไร้สมอง ถูกลิขิตไว้ว่าจะต้องแพ้ เจ้า…ลงไปซะ!”

พอพูดจบ นางก็ออกแรงที่ข้อมือเพื่อผลักมู่หงอวี๋ลงไป!

ฉับพลันมีเงาดำผุดออกมาเป็นกลุ่มก้อน! มุ่งตรงไปที่หน้านาง!

“อ๊า!”

อวี๋ฉิงกรีดร้องด้วยความตกใจโดยไม่ทันตั้งตัว รีบถอยไปในบัดดล!

มู่หงอวี๋ใช้โอกาสนี้พลิกตัวขึ้นไปบนลานประลอง!

“ฉงฉง กัดนางซะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์