บทที่ 10 ให้มันเป็นเดตแรกของฉันกับเธอ
หลังจากปันกลับบ้านไปรันก็เริ่มคิดถึงน้องชายมากขึ้น ในความทรงจำของเธอปันเหมือนเด็กน้อยที่คอยวิ่งตามเธอต้อย ๆ เป็นเด็กชายตัวเล็กในสายตาของรัน แม้ว่าชาติที่แล้วปันจะเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหนสำหรับรันยังคงเอ็นดูปันเหมือนเด็กน้อยของเธอเสมอ เธอรู้สึกขอบใจคีร์ต้นสนและนัทที่คอยดูแลเด็กแสบคนนี้ในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา
ในชาติที่แล้วท้ายที่สุดน้องชายของเธอก็ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานสมดังความตั้งใจแม้จะใช้เวลานานไปสักนิด แต่ก็สามารถพิสูจน์ให้แม่เห็นได้ว่าเขาสามารถเดินบนเส้นทางที่เลือกได้ด้วยตนเอง มาชาตินี้ทุกอย่างดูเกิดขึ้นไวมากขึ้น แต่เธอก็ดีใจที่น้องชายเธอได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ
รันเริ่มครุ่นคิดถึงตัวแปรหลักที่ทำให้เหตุการณ์ในชาตินี้เปลี่ยนไปจากชาติที่แล้ว เมื่อตั้งสมมติฐานไว้ในใจผลสรุปที่ได้หวยดันไปลงที่คีร์ นับตั้งแต่พฤติกรรมของคีร์เปลี่ยนไปทุก ๆ อย่างรอบตัวเธอก็คล้ายจะเปลี่ยนตามแม้จะคิดหาความเป็นไปได้ของสาเหตุที่ทำให้คีร์เปลี่ยน ทว่าเหตุผลแต่ละข้อก็ล้วนถูกปัดตก รันพยายามคิดในแง่บวกว่าเขาคงคิดและสำนึกได้เลยพยายามทำดีกับเธอ .....แต่ลึก ๆ ในใจยังคงมีความคิดทำนอง ..สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อเหมือนที่เธอเจอมา หญิงสาวส่ายหัวให้กับความคิดแปลกประหลาดที่เด้งเข้ามาในหัว
หญิงสาวซื้อขนมของฝากเล็กน้อยจัดใส่ถุงกระดาษสามถุงไว้แทนคำขอบคุณสามหนุ่มที่ช่วยดูแลน้องชายเธอ รันมีบอกคีร์ไว้บ้างแล้วว่าวันนี้หญิงสาวจะเอาขนมไปฝาก เจ้าตัวดูงง ๆ ว่าเป็นขนมเนื่องในโอกาสอะไรพอบอกว่าเนื่องในโอกาสขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องชาย คีร์ก็รีบเปลี่ยนน้ำเสียงทันที น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นที่เธอจะเอาขนมไปให้ คีร์เสนอให้มาหาเขาที่ห้องวันนี้โดยรับรองว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเพราะมีนัทกับต้นสนมาทำโปรเจกต์ที่ห้อง รันที่ได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลงทันทีเพราะเธอมีของฝากจะฝากสองคนนั้นด้วย
การที่รันตอบตกลงอันที่จริงก็คล้ายเป็นดาบสองคมสำหรับเขา อย่างแรกเขารู้สึกดีใจที่รันจะมาหาอย่างที่สองทำไมรันถึงตอบรับง่ายดายเมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่กับเขาสองต่อสอง ยิ่งคิดก็ยิ่งสลด เขานั่งหน้ามุ่ยเล็กน้อยทว่าเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูร่างสูงโปร่งก็รีบถลาไปเปิดประตูคล้ายมีหางสั่นกระดิก ๆ ต้นสนกับนัทได้แต่มองภาพเขาด้วยความเอือมระอามองภาพรันกับคีร์คุยกันอยู่ตรงหน้าประตู
“ขนมที่ฉันบอกไว้” รันยื่นขนมให้
“ทำไมมีสามถุง” เขารับถุงขนมมาพลางถาม
“ก็ของนาย ของต้นสนและก็นัทไง” ทันทีที่ได้ยินคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันพอดี
“ทำไมมีของพวกมันด้วย ไม่ใช่ของฉันคนเดียวเหรอ” รันมองหน้าเขาที่คิ้วผูกกันเป็นโบว์ ก่อนจะเอานิ้วมาจิ้มตรงหน้าผาก
“ขมวดอะไรขนาดนั้น ในเมื่อช่วยกันดูแลไอปันกันทุกคน ฉันก็ต้องมีขนมให้ทุกคนสิจะให้นายคนเดียวได้ไง” เธออธิบายทว่าสีหน้าของชายหนุ่มไม่ได้ดูดีขึ้นเลย
“ของข้างในเหมือนกันไหม” เขาพยายามเปิดดูถุงทั้งสามถุงเมื่อเห็นว่าทั้งสามถุงนี้เป็นขนมแบบเดียวกันเขาก็หน้าหงิกขึ้นทันที
“งั้นฉันไม่เอาดีกว่า ได้มาก็เหมือนของพวกนั้น” เขาทำท่างอนก่อนจะยื่นขนมถุงหนึ่งคืนให้รันไป เธอรู้สึกแปลกใจกับท่าทีคล้ายเด็กของเขาปกติคีร์แทบไม่มีโมเมนต์นี้เลยด้วยซ้ำ จะว่าโกรธก็คงไม่ใช่ในใจเธอกลับขำเพราะท่าทีของเขาคล้ายเด็กขี้งอน อารมณ์เหมือนเด็กน้อยที่ลงไปดิ้นกับพื้นห้างสรรพสินค้าเพราะอยากได้ขอเล่น
“ไม่เอาก็ไม่เอา งั้นฝากเอาถุงที่เหลือให้นัทกับต้นสนด้วยนะฉันไปล่ะ” รันพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที ตอนนั้นเองคีร์ก็คว้าข้อมือของรันเอาไว้ หญิงสาวหันมามองข้อมือตัวเองที่เขาจับอยู่ ความรู้สึกคล้ายมีไฟช็อต ข้อมือส่วนที่เขาจับกลับทำให้เธอรู้สึกเห่อร้อนบริเวณแก้ม คีร์มองมือตัวเองที่กำข้อมือหญิงสาวก่อนจะกระแอมไอค่อย ๆ ปล่อยมือ เขาทำท่าทีอึกอักก่อนจะค่อยพูด
“งั้นฉันขอเปลี่ยนของตอบแทนได้ไหม”
“อยากเปลี่ยนงั้นเหรอ เอาสิอยากได้อะไร” คีร์ที่ได้ยินอย่างนั้นเริ่มยิ้มขึ้นมาทันที
“เปลี่ยนเป็นไปเดตกับฉันสักครั้ง” รันทำตาปริบ ๆ มองหน้าคนที่เพิ่งพูดจบ เดตงั้นเหรอ! ไอ้นี่! ได้คืบจะเอาศอกชัด ๆ ความคิดร้อยแปดพันเก้าเริ่มตีกันในใจ ควรไปกับเขาดีไหมใจหนึ่งเธอรู้สึกไม่อยากเปิดโอกาสให้เขาเท่าไหร่แต่อีกใจก็มองว่าเธอเคยบอกเขาไปแล้วว่าจะลองให้โอกาสเขาได้ทำดีกับเธอเพราะอย่างนั้นก็ไม่ควรผิดคำพูด คีร์มองหน้าเธอเพื่อรอคำตอบ สายตาของทั้งสองประสานกัน ในที่สุดหญิงสาวก็พูดขึ้น
“ถ้าวันที่นัดไม่ติดอะไร ก็คงไปด้วยได้” เขายิ้มกว้างขึ้นมาทันที ดวงตาหยีเวลาที่ยิ้มทำเอาเธอเคลิ้มตามไปชั่วขณะ คีร์พยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะสอบถามหาวันว่างของหญิงสาว เมื่อตกลงกันเรียบร้อยหญิงสาวจึงบอกลาอีกครั้งรอบนี้เขาไม่รั้งเธอไว้ต่อ หลังจากร่ำลาเธอหน้าห้องก็ปิดประตูถือถุงขนมสามถุงเดินมาวางแหมะหน้าพวกนัทกับต้นสน
“รันฝากมาให้พวกกูใช่ไหม เมื่อกี้เห็นได้ยินรันคุยกับมึงหน้าห้อง” นัทพูดก่อนจะเอื้อมมือไปดึงถุงขนมที่ติดโพสต์อิทชื่อนัท ทว่าคีร์กลับดึงถุงขนมถุงนั้นไว้
แต่ในเวลานี้ชายหนุ่มกลับจูงมือเธอ ค่อย ๆ เดินลัดเลาะตามทางเดินที่สวนสาธารณะวางไว้ เขาก้าวเดินช้า ๆ ผ่อนจังหวะให้เท่ากับที่เธอเดิน มือของหญิงสาวอุ่นพอพอกับใบหน้าของเธอที่รู้สึกร้อนอีกครั้ง รันและคีร์ตกลงซื้อน้ำเปล่าคนละขวดก่อนจะหาม้านั่งริมแม่น้ำ นั่งเล่นด้วยกัน
“เป็นไง เดินเล่นแบบนี้พอจะทำให้เธอสดชื่นขึ้นมาบ้างไหม” คีร์ถามขึ้น ขณะที่มือยังคงจับมือหญิงสาวเอาไว้
“สบายใจกว่าเดินห้างเยอะ ฉันชอบที่สงบ ๆ แบบนี้แหละ” รันตอบเขาก่อนจะหลับตาลงฟังเสียงของลมที่พัดผ่านไปมา
“เสียดายที่ก่อนหน้านี้เราเอาแต่ไปห้าง เลยไม่ค่อยได้ซึมซับบรรยากาศดีดีแบบนี้” เขาหันมามองหน้าเธอ รันพยักหน้าเห็นด้วย ได้เอาตัวเองมาอยู่ในพื้นที่สงบและธรรมชาติขนาดนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว
“เดตแรกนายก็พาฉันดูหนังฆาตกรรมโรคจิต” รันหวนนึกถึงเดตแรกที่ไม่น่าประทับใจ ทันทีที่คีร์ได้ยิน คีร์ก็ทำท่าเป็นตีหัวตัวเอง พลางพูดออกมา
“งั้น เรามาเปลี่ยนกันไหม ต่อจากนี้ก็นับว่าวันนี้เป็นเดตแรกอย่างเป็นทางการ เดตที่เราสองคนต่างมีความสุข” รันมองหน้าคนพูดด้วยความแปลกใจ เจ้าตัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่บอกว่า เดตที่เราสองคนต่างมีความสุข ประโยคนี้ทำให้เธอเริ่มมองเขาในมุมใหม่ มุมที่เขาใส่ใจในความชอบของเธอ เหมือนที่เธอใส่ใจเขามาตลอด หญิงสาวยิ้มให้เขาก่อนจะพยักหน้าเบาเบา
“อื้ม ได้สิ”
ทว่าเมื่อเจ้าตัวเหลือบมองปฏิทินในมือถือ เธอจึงเริ่มนึกถึงเหตุการณ์สำคัญขึ้นมาได้ อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ตึกคณะของคีร์จะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ คีร์มองสีหน้าหญิงสาวที่เริ่มขมวดคิ้วหลังจากที่เธอก้มมองในหน้าจอมือถือ รันเริ่มประมวลความคิดว่าควรจะเตือนเขาอย่างไรให้มันได้ผลที่สุด โดยไม่ดูเป็นเหมือนเธอคือผู้หยั่งรู้อนาคต ทว่าอีกใจหนึ่งก็คิด
เธอกลัวว่าหากเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์นี้ เหตุการณ์อื่นในอนาคตข้างหน้าอาจได้รับผลกระทบไปด้วย...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก