ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก นิยาย บท 13

บทที่ 12 ผู้ต้องสงสัย

ค่ำคืนที่ไร้ผู้คนเดินผ่านไปมาตึกคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ตั้งตระหง่านท่ามกลางความมืดมีเพียงแสงไฟจากหลอดไฟบริเวณโถงชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาภายในโถงด้วยฝีเท้าที่เบาสนิท เขาทั้งสองเหล่มองบริเวณโต๊ะประจำจุดของยามเฝ้าตึกก่อนจะพบกับความว่างเปล่า ต้นสนหันไปมองคีร์ทันทีเมื่อเห็นว่าตรงจุดนี้ไร้ซึ่งยามยืนเฝ้า

เขาพยักหน้าให้กันราวกับรู้ว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไร ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปทางบันไดของตึกเพื่อขึ้นไปยังชั้น 4 ของอาคาร ก่อนจะแยกเดินไปคนละฝั่งด้วยเพราะห้องปลายทางมีประตูทางเข้าได้จากสองฝั่ง คีร์และต้นสนเหลียวมองต้นทางก่อนจะมุ่งหน้าเดินต่อไป

ย้อนกลับไปช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ระหว่างที่ต้นสนกำลังเพลิดเพลินกับเกมเพลย์สเตชั่นที่ต่อเล่นในห้องของคีร์ เขาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มกำลังนั่งนิ่งมองหน้าจอคอมของตนเองเสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังขึ้นเป็นจังหวะ ด้วยสีหน้าของคีร์ที่จ้องหน้าจอมีความซีเรียสทำให้ต้นสนลุกจากโต๊ะแอบเดินมายืนข้าง ๆ

“นี่มันอะไรกัน..” เขาพึมพำมองหน้าจอที่เป็นภาพจากกล้องคล้ายกล้องวงจรปิด ทว่าภาพที่เห็นกลับเป็นภาพที่ตึกคณะเขา ในภาพปรากฏร่างชายผู้น่าสงสัยเดินผ่านพร้อมถือถังอะไรบางอย่างไว้ในมือ

“ฉันมีเรื่องต้องไปทำนิดหน่อย นายอยากตามไปไหม” คีร์กดหยุดภาพจากจอก่อนจะหันมาถามเขา ต้นสนงุนงงกับท่าทีคนตรงหน้า ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าไม่ควรปล่อยให้เพื่อนเขาคนนี้ไปทำอะไรที่ว่านั่นตามลำพัง

“บอกมาก่อนว่าจะไปไหน” ใช่ว่าต้นสนจะไม่รู้สึก เขาสัมผัสได้ว่าระยะหลังมานี้คีร์คล้ายจะเปลี่ยนไปแน่นอนว่าลักษณะนิสัยบางอย่างยังคงเป็นคีร์คนเดิมแต่ภาวะการตัดสินใจหรือความคิดกลับดูเฉียบขาดขึ้น แม้กระทั่งเรื่องของรันที่จู่ ๆ ก็พลิกเป็นฝ่ายเดินตามง้อ หลาย ๆ อย่างเป็นจุดน่าสงสัยที่เขาพยายามหาคำตอบ

ก่อนหน้านี้จู่ ๆ คีร์ก็ถามถึงเรื่องแม่ของเขาร้อยวันพันปีชายหนุ่มไม่เคยนึกสงสัยอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเพื่อน อย่างต้นส้มที่ตนเองเคยเจอแล้วในงานสำคัญเมื่อปีก่อน เขายังแทบจำหน้าน้องสาวของเพื่อนไม่ได้เมื่อคีร์ถามต้นสนจึงเล่าเรื่องของแม่เท่าที่ตนพอจะเล่าได้ หลังจากเล่าจบคีร์กลับพูดเตือนเขาว่า

‘ทำในสิ่งที่สมควรทำก่อนจะสายไป’ ต้นสนจับต้นชนปลายไม่ถูกในตอนนั้นว่าสิ่งที่เขาสมควรทำคืออะไร ทว่าการทักประโยคนั้นของเพื่อนทำให้ต้นสนตัดสินใจติดต่อแม่กลับไปอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจเพราะไม่กี่อาทิตย์ถัดจากนั้นแม่ก็จากเขาไปอย่างหวนกลับมาไม่ได้ เขาพยายามจะถามคีร์ถึงสาเหตุว่าทำไมถึงพูดเตือนเขาอย่างนั้นแต่ชายหนุ่มกลับเลี่ยงที่จะตอบ

อย่างในตอนนี้ภาพของชายคนนั้นที่ปรากฏในหน้าจอทำให้ต้นสนเกิดความรู้สึกแปลกใจแต่กลับไม่ตกใจเท่าไหร่กับการที่เพื่อนของตนลงทุนหากล้องไปแอบวางไว้ที่ตึกคณะ คล้ายกับคีร์ล่วงรู้ว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เขาสบสายตากับเพื่อนตรงหน้าเพื่อรอคำตอบ

“ไปที่ตึกคณะ อาจมีความเสี่ยงเล็ก ๆ แต่ฉันประเมินคร่าว ๆ คิดว่าถ้ามีเราสองคนน่าจะเอาอยู่” คีร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาพนันในใจไปเรียบร้อยว่าอย่างไรต้นสนก็ต้องล่มหัวจมท้ายในแผนการนี้ด้วยแน่ ๆ

“ไม่ต้องตามไอนัทหรอ” ต้นสนถามกลับ

เหตุการณ์นั้นแม้จะสร้างความเสียหายทว่ากลับเอื้อประโยชน์ให้คนหลายคนเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเมื่อเขาลิสต์รายชื่อคนที่ได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ คนที่ดูน่าระแวงที่สุดคงไม่พ้น อาจารย์พิสุทธิ์ คณบดีคนใหม่ สาเหตุหลักนั่นคืออาจารย์พิสุทธิ์ก่อนหน้าจะได้เลื่อนขั้น เขาคืออาจารย์ประจำวิชาผู้รับผิดชอบดูแลโปรเจกต์ของนักศึกษา ในแต่ละปีห้องที่ใช้เก็บโมเดลมักเวียนไปเรื่อย ๆ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแต่ละปีใช้ห้องไหนนอกจากนักศึกษาในชั้นปีและอาจารย์ประจำโปรเจกต์ ข่าววงในที่เขาสังเกตจากชาตินี้ก็เชื่อมโยงถึงความเป็นไปได้เพราะอาจารย์พิสุทธิ์เป็นอาจารย์เบอร์ต้น ๆ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคณบดี

ส่วนคนที่สองคือพี่แดงหัวหน้างานรักษาความปลอดภัยประจำตึกที่ถูกไล่ออกกะทันหันจากคำสั่งของเบื้องบน เพราะดันไปมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตซึ่งเป็นญาติกับคณบดีจากจุดเริ่มต้นปัญหาเล็ก ๆ คือเรื่องที่จอดรถ ด้วยเพราะข้อจำกัดด้านที่จอดรถในลานจอดรถคณะที่ต้องทำการแลกบัตรเป็นกิจจะลักษณะทำให้ฝ่ายญาติคณบดีหงุดหงิดด่ากราดเจ้าหน้าที่ พี่แดงที่ทำหน้าที่ตอนนั้นจึงจำเป็นต้องเชิญออกเพื่อระงับเหตุวุ่นวาย ใครเล่าจะคิดว่าการเชิญรถคันนั้นออกจากลานจอดรถจะนำมาซึ่งการถูกไล่ออกกะทันหัน ที่เขาสงสัยพี่แดงเป็นเพราะระหว่างเกิดเหตุไฟไหม้ พี่แดงบังเอิญอยู่ในบริเวณตึกพอดีเขาให้เหตุผลกับทางตำรวจคร่าว ๆ ว่ามีนัดคุยกับลูกน้องก่อนจะกลับต่างจังหวัด

คนสุดท้ายคือเพื่อนร่วมคณะ ในช่วงที่เขาพยายามจุดประเด็นให้เพื่อนแยกย้ายกันเก็บงาน วิน เพื่อนร่วมคณะของเขากลับยืนกรานว่าควรเก็บไว้ที่ตึก ทั้งเหตุผลเรื่องการจัดเก็บที่เป็นระบบทั้งยังสะดวกต่อคนที่ไม่ได้มีหอพักกว้างขวางเพื่อใช้เก็บงาน เหตุผลนี้ดูเหมือนจะทำให้เพื่อนคล้อยตามไม่น้อย แต่สุดท้ายทุกคนดูเห็นด้วยกับเหตุผลของคีร์มากกว่าเพราะไม่อยากแบกความเสี่ยงจากการที่งานอยู่ไกลสายตามากเกินไป วินดูหงุดหงิดกับการตัดสินใจของเพื่อนร่วมชั้น เขายืนกรานจะเก็บงานไว้ที่ห้องนั้นตามเดิม ภายหลังคีร์ถึงเริ่มจับพิรุธได้ว่าคล้ายโปรเจกต์ของกลุ่มวินจะมีปัญหาต้องใช้ระยะเวลาแก้ไขอีกประมาณสองเดือน วินจึงถูกนับรวมเป็นผู้ต้องสงสัยทันที

แม้ว่าตอนนี้งานของเพื่อนจะไม่มีใครเก็บไว้ในห้องนั้นแล้วนอกจากกลุ่มวิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้คนที่วางแผนสร้างความเดือดร้อนเป็นโดมิโน่นี้ลอยตัวรอดจากสิ่งที่กระทำ หมากทุกอย่างถูกเขาวางไว้เพื่อรอวันนี้ เรื่องการเก็บงานไว้ในห้องเขาตัดสินใจคุยกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะไม่แจ้งอาจารย์ ดังนั้นเมื่อความเสี่ยงเรื่องงานจะได้รับความเสียหายถูกปัดออกไป คีร์จึงมีเวลาวางแผนได้รัดกุมมากขึ้น เขาตัดสินใจติดกล้องดักไว้ตามทางเดินของอาคารกะไว้คร่าว ๆ หากวันนี้เหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม คนคนนั้นคงต้องลงมือไม่ต่างจากชาติที่แล้ว ซึ่งก็ถูกเผงอย่างที่เขาคิด

ทางฝั่งรันที่วิ่งกระหืดกระหอบมาที่ตึกคณะของคีร์ ในใจร้อนรนกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย นัทยืนหอบหายใจข้าง ๆ รันมองหญิงสาวที่ยืนจ้องตึกตระหง่านด้านหน้า รันยังคงคาใจเล็กน้อยว่าทำไมคีร์ถึงมาที่คณะเวลานี้ อีกอย่างเธอค่อนข้างวางใจว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ต่อให้เกิดซ้ำรอยเดิมก็คงจะไม่สร้างความเสียหายกับงานเด็กในคณะเขาเหมือนชาติที่แล้ว เพราะคีร์ยืนยันกับเธอแล้วนี่ว่าทุกคนไม่มีใครเก็บงานไว้ในห้องนั้น อีกอย่างเธอจำได้ดีว่านอกจากห้องนั้นจุดอื่นของตึกก็ไม่เป็นอะไรมาก ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

แล้วทำไมกลายเป็นตัวเขาที่เอาตัวเองมาอยู่ที่ตึกเวลานี้! รันได้แต่กังวลภายในใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก