ตอนที่585 เสียเธอไปไม่ได้
เสียงคำรามของวัยรุ่นถูกระบายออกไปในอากาศ ไวศทย์รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เขาหันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
ชนุดมคอยสังเกตดูเขา เขากลัวว่าไวศทย์จะทำอะไรขึ้นมา ชนุดมก้าวไปด้านหน้าและดึงตัวคนกลับมา
“สงบสติอารมณ์หน่อย!”
“ผมจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร คนที่นอนอยู่บนเตียงคือพี่สาวผม เป็นคนที่ดีที่สุด ดีที่สุดสำหรับผม ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะอยู่หรือว่าจะตาย คุณจะให้ผมสงบสติยังไง!” หลังจากที่คำรามจบ ไวศทย์ก็มองไปที่ชีวภา เขาคร่ำครวญ “พี่! พี่มองผมหน่อยสิ ผมกับแม่มาหาพี่นะ พี่ลืมตาดูพวกเราสิ…”
ชนุดมมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเกิดดับอยู่มากมาย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ ยิ่งมีประสบการณ์มาก ใจก็ยิ่งแข็งมาก ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้ง่ายๆ
แต่ในเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงคร่ำครวญของไวศทย์ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บ โดยเฉพาะเมื่อเสียงเหล่านั้นได้หายไป คนบนเตียงก็ไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ความกระจ่างนั้น ความเงียบนั้น ทำให้เลือดในร่างกายแข็งตัวขึ้นมา
ดุลยาและไวศทย์ใช้เวลาอยู่ในห้องผู้ป่วยเกือบยี่สิบนาทีก่อนที่จะสงบลง แม่และลูกชายมองไปที่ชีวภาที่นอนซีดเซียวอยู่บนเตียง ค่อยๆยอมรับความจริงเรื่องที่เธอได้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
ดุลยาเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ตอนที่ป่วยเธอไม่มีแม้แต่น้ำตา แต่ตอนนี้น้ำตาทั้งหมดเหมือนจะกลั้นไว้ไม่อยู่และได้ไหลทะลักออกมา
ไม่ร้องไห้แล้ว แต่อารมณ์ก็ยังเคว้งคว้าง
หลังจากที่สงบลง เธอมองดูชนุดมด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า เสียงแหบแห้งจนแทบฟังไม่ออก “คุณเป็นเพื่อนของชีวภาของเรารึคะ”
ชนุดมจ้องนัยน์ตาของหญิงชราซึ่งดูคล้ายชีวภาอยู่หลายส่วน หัวใจเขาเต้นแรง เขายืนตรงพิงกำแพงและพูดอย่างจริงจัง “คุณป้า ผมขอพูดอะไรด้วยหน่อยได้ไหมครับ”
ดุลยาหันไปจ้องมองที่ลูกสาวซึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้วิญญาณ เธอหยุดครู่หนึ่งและยืนขึ้นที่ข้างเตียง จากนั้นเธอก็เดินตามชนุดมไปที่ทางเดินของโรงพยาบาล
ชั้นนี้เป็นชั้นวีไอพี มีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น ทางเดินสะอาดตามาก ทั้งคู่เดินตามกันไปที่หน้าต่างสุดทางเดิน พวกเขามองออกไปยังท้องฟ้าสีเทาด้านนอก ลำคอของชายคนนั้นกลืนน้ำลายขึ้นลงสองครั้ง เขาคิดอยากจะสูบบุหรี่ แต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้
“มีอะไรอยากจะพูดก็พูดเถอะค่ะ” ดุลยาเอ่ยปากขึ้นก่อน เธออายุเกือบจะห้าสิบปีแล้ว ท่าทีเธอดูไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก
ชนุดมหายใจลึก เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่คิดอยู่ในหัวเมื่อสักครู่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น “คุณป้าครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องแจ้งให้คุณป้าทราบในโอกาสนี้ แต่ว่าผมต้องการบอกความจริงกับคุณป้า---”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสียงของเขาก็หายไปช่วงหนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีกไม่กี่คำ “ผมเป็นแฟนของเธอครับ”
ชีวภาชอบเขา เธอสารภาพตั้งแต่ที่อยู่เมืองQ แม้กระทั่งมอบความบริสุทธิ์ที่มีค่าครั้งแรกให้กับเขา ในเวลานั้นเขานิสัยไม่ดีคอยแต่หลบเลี่ยง แต่ในเวลานี้ เขาต้องการแบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้
ทั้งไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวน้อยคนนั้นจะฟื้นคืนสติขึันมาไหม จะตอบสนองได้หรือไม่
ขอความเป็นส่วนตัวให้เขาสักครั้งเถอะ
ชนุดมคิดว่าเมื่อหล่อนได้ยินประโยคนี้ ดุลยาคงจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่กลับไม่คาดคิด ผู้หญิงคนนั้นเพียงชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็โค้งคำนับอย่างใจเย็น “ฉันทราบค่ะ”
ในเวลานี้ ชนุดมเองกลับเป็นคนที่ต้องประหลาดใจ
“คุณทราบรึครับ”
“ครอบครัวเราเป็นคนธรรมดา ก่อนหน้านี้ฉันป่วยมาก่อน ชีวภาต้องพักการเรียนชั้นปีสอง เธอกับน้องชายต้องทำงานทุกอย่างเพื่อฉัน ต่อมาอาการป่วยของฉันก็ดีขึ้นอย่างไม่ง่ายนัก เธอกลับเกิดเรื่องนี้ขึ้น...ครอบครัวเราไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะ ใช้ชีวิตอย่างขัดสน เมื่อครู่คุณบอกว่าเชิญผู้เชี่ยวชาญมา พวกเราไม่มีความสามารถที่จะแบบรับภาระตรงนี้ได้” ดุลยาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอรู้สึกโกรธตัวเองมาก เธอเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถให้สภาพความเป็นอยู่ที่ดีแก่ลูกๆของเธอได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังลากพวกเขาให้ดิ่งลงอีกด้วย
ความรู้สึกเช่นนี้ มันฝังลึกลงสู่ข้างใน
ชนุดมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขารีบเอ่ยปากจัดการ “ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย คุณป้าไม่ต้องกังวล ผมแก้ไขได้ ตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถหาทางออกได้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ผมก็จะไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งวินาทีที่เธอตื่น”
ประโยคนี้แทงใจของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและมองผู้ชายคนนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์มาก แต่พูดแล้วก็น่าจะอายุสามสิบปีขึ้นไป เธอยังคงไม่วางใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับชีวภาของเราเป็นอย่างไรกันแน่ ฉันไม่สามารถยอมรับความช่วยเหลือจากคุณได้อย่างไม่มีเหตุผล”
คำถามนี้ดึงความทรงจำเมื่อสองสามเดือนก่อนของชนุดมกลับมา รอยยิ้มของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับมาปรากฎต่อหน้าเขาเหมือนหน้าจอภาพยนตร์
โกรธ มีความสุข เจ้าเล่ห์ สดใส มืดมน ทุกอย่างชัดเจนเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ในพริบตาทุกอย่างก็หายไป
ชนุดมถอนหายใจ ภาษาที่สั่นไหว สายตาที่แน่วแน่ “เธอช่วยผมไว้มาก ทำอะไรให้ผมมากมาย แต่ว่าผมทำผิดกับเธอไว้ นี่เป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตของผม ดังนั้นคุณป้าครับ ผมใช่ได้ช่วยคุณป้า ผมกำลังชดใช้สำหรับตัวผมเอง”
มีไม่กี่คนที่จะพูดว่า “ชดใช้” ไม่ใช่เพราะอะไรอื่น แต่เพราะว่าคำนี้มันศักดิ์สิทธิ์เกินไป อาจจะทำให้คนไม่พอใจได้
แต่ในเวลานี้เขาพูดเช่นนี้
ทำให้ดุลยาพูดอะไรไม่ออก ชายที่ตรงหน้าเปิดปากพูดอีกครั้ง “การสูญเสียเธอเป็นราคาที่ผมไม่สามารถจ่ายได้ ผมหวังว่าคุณป้าจะให้โอกาสผม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...