ไชยันต์ที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือได้ฟังแล้ว ใบหน้าชราอันนี้เคร่งขรึมมาเป็นเวลานาน ถึงได้ยิ้มออกมาบ้าง
“ดี สถานการณ์ของเขาทางด้านโน้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ก็ดีค่ะ อาทิตย์นี้ ได้ยินว่าเด็กมีพัฒนาการที่เร็วมาก คุณหมอบอกว่า ถ้าเป็นไปตามนี้ละก็ ถึงเวลาคลอด เด็กก็จะสามารถถึงเกณฑ์มาตรฐานได้แล้ว”
พิมเจ้าตอบคำถามอันนี้ของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นก็เริ่มต้มชาให้เขา
การต้มชาเรื่องนี้ ความจริงแล้วเธอเรียนรู้จากเส้นหมี่ เพราะเธอเห็นว่าคุณท่านคนนี้ค่อนข้างรักการดื่มชา จากนั้นโดยเฉพาะเส้นหมี่ได้จากที่นี่ไปแล้ว จึงเรียนรู้สิ่งนี้เอาไว้
ไชยันต์ก็ไม่ค่อยจะยุ่งวุ่นวายกับเธอ
วินาทีนี้ เมื่อกาน้ำชาเดือดข้นขึ้นมาแล้วไอน้ำสีขาวก็ฟุ้งกระจายออกมา เธอยกกาปี้หลัวชุน(ชื่อใบชาชนิดหนึ่ง)ที่ต้มเสร็จแล้วขึ้นมา กลิ่นหอมอ่อนๆของชาค่อยกระจายตัวออกมาแล้ว
“คุณท่าน ดื่มชาเถอะค่ะ”
เธอยกขึ้นมา เตรียมที่จะยื่นให้เขา
แต่ในเวลานี้ มีความเจ็บปวดขึ้นมาที่แขน ทันใดนั้น ถ้วยชาแสนร้อนอันนั้นเกือบจะหล่นจากมือของเธอลงไปเสียแล้ว
“คุณวางลงเถอะ อย่าได้ร้อนอยู่เลย ผมจะหยิบเอง”ไชยันต์ได้เห็นแล้ว ยากมากที่เขาจะพูดออกมาอย่างใส่ใจสักครั้ง
พิมเจ้านิ่งไปแล้ว
ผ่านไปสักพัก ได้สติขึ้นมา เธอก้มหน้าลงนำถ้วยชาวางเอาไว้ตรงหน้าของเขาอย่างนอบน้อม แววตาก็มองต่ำลงไปแล้ว
เมืองหลวงในเดือนเมษายน วิวทิวทัศน์งดงามมาก ในฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ท้องฟ้าในยามเย็นสีเพลิงแดงส่องสะท้อนผืนทะเล แอลดับบิวทาวน์แห่งนี้มีสีสันราวกับผ้ามัดย้อมยังไงอย่างงั้น
มีสีสันอย่างมาก และก็งดงามอย่างมาก
พิมเจ้าเองก็ยกชามาหนึ่งถ้วย ค่อยจิบหนึ่งจิบ
“ผมได้ยินว่า เจ้ากฤตเจ้าเด็กคนนี้กำลังจะเรียนจบแล้ว?”ทันใดนั้น ไชยันต์ที่กำลังดื่มชา นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวนั้นมองแสงพระอาทิตย์ตกออกไปไม่ไกลถามออกมาหนึ่งประโยค
พิมเจ้าวางถ้วยชาลงในทันทีแล้วพยักหน้า
“ใช่ค่ะ ปีนี้ในเดือนมิถุนายนก็เรียนจบแล้ว”
“ใช้ได้ เด็กคนนี้ฉลาดหลักแหลม คุณเคยถามเขาหรือเปล่าว่าเรียนจบแล้วอยากจะไปที่ไหน?”ไชยันต์ถามอย่างเป็นห่วงออกมาอีกหนึ่งประโยค
นี่น่าจะเป็นเด็กที่อยู่ในตระกูลเทวเทพ ที่เขาค่อนข้างจะใส่ใจแล้ว
เป็นเพียงสายเลือดรอง เขาเองก็มีหลานชายของตัวเอง ทว่าสมรมณ์วัลย์ก็มีเด็กวัยเดียวกันไม่น้อย เขายังสามารถให้ความใส่ใจกับเด็กคนนี้ได้
สามารถมองได้ว่า เขาให้ความใส่ใจกับคนในตระกูลนี้จริงๆ
พิมเจ้าได้รับความเอาใจใส่จึงตกใจนิดหน่อย:“ยังไม่ได้ถามค่ะ ไม่ทราบว่าคุณท่านมีคำแนะนำที่ดีอะไร?”
เธอขอคำแนะนำจากคุณท่านคนนี้ด้วยความจริงใจ
ไชยันต์ได้เห็นแล้ว ครุ่นคิดสักพัก:“ถึงแม้ว่าเขาจะจบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศ แต่ผมไม่อยากแนะนำให้เขาไปที่กองทัพแล้ว ไม่งั้น ไปเรียนการแพทย์กับไพบูลย์ไหม”
“หา?”
พิมเจ้าอึ้งไปแล้ว
ญี่ปุ่น โตเกียว
หลายวันมานี้แสงดาวอารมณ์ดีทีเดียว เพราะว่าเรื่องลูกต่างเป็นข่าวดี
ยังมี เพราะว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆก็อยู่กับเธอตลอด
“ม็อกโก ตอนเที่ยงฉันอยากจะทานซุปซี่โครงหมูหวยซานที่คุณตุ๋น คุณทำให้ฉันได้ไหม?
“ได้สิ”
ม็อกโกที่กำลังซักผ้าด้วยมือให้เธออยู่ในห้องน้ำ ได้ยินสิ่งนี้แล้ว ก็ตอบรับอย่างทันทีทันใด
ในห้องพักผู้ป่วยพยาบาลที่กำลังเข้าสายน้ำเกลือให้กับแสงดาวมองมาอย่างอิจฉา:“คุณนายเทวเทพ สามีของคุณดีกับคุณอย่างมากเลยนะ ทำกับข้าวให้คุณ ยังช่วยคุณซักผ้ากับมืออีกต่างหาก”
แสงดาวใบหูแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะทำเหรอ? ฉันตั้งท้องขนาดนี้แล้ว”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ที่ญี่ปุ่นของพวกเรา น้อยมากที่ผู้ชายจะเอาใจใส่ขนาดนี้ พวกเราตั้งท้องแล้ว ยังต้องดูแลสามีน่ะ”
พยาบาลชาวญี่ปุ่นคนนี้ทั้งอิจฉาทั้งอธิบายออกมาอย่างถอนหายใจ
จริงด้วย ผู้ชายแบบนี้ น้อยมากจริงๆ โดยเฉพาะซักผ้าด้วยมือ ไม่ต้องพูดถึงม็อกโกที่ตั้งแต่เกิดก็คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดเป็นผู้สืบทอดของตระกูลราชวงศ์หรอก
ต่อให้เป็นผู้ชายธรรมดา เกรงว่าคงจะไม่ยินยอมทำ
แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ กลับไม่ได้รู้สึกอะไร เขาใช้มือใหญ่ทั้งสองข้างที่จับปืนฆ่าศัตรู ก็อยู่ต่อหน้าแสงดาวแบบนี้ ค่อยๆซักผ้าให้กับเธออย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก