“ปัง--”
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ด้านในก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาจริงๆ ด้วย
ในทันใดนั้น เส้นหมี่ยังไม่ทันได้ตั้งสติ สุกฤตที่อยู่ด้านข้างก็ได้จับมือเธอแล้ววิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังหินรูปสิงโตเรียบร้อยแล้ว: “ระวัง เขามาถึงแล้ว!”
เขาตะโกนมาหนึ่งประโยค
เส้นหมี่หน้าขาวซีดราวกับกระดาษ หลังจากที่กอดศีรษะของตัวเองไว้แน่นหลบอยู่หลังหินรูปสิงโตแล้ว ร่างกายของเธอก็สั่นเทาไปทั้งตัว
“เพี๊ยะ!”
พวกเขาหลบซ่อนตัวแล้ว ลูกกระสุนนั่นก็ยิงเข้าไปในพิพิธภัณฑ์โดยตรงจริงๆ ด้วย
มีเสียงกรีดร้อง เธอเห็นพนักงานที่ยืนต้อนรับตรงประตูทางเข้าคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น
“มีคนฆ่ากัน! มีคนฆ่ากัน!”
“หา--”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา!
ในเวลาเพียงหนึ่งวินาที ข้างในพิพิธภัณฑ์ก็วุ่นวายจนเละเหมือนโจ๊ก
เส้นหมี่นั่งหมอบอยู่ตรงนั้นอย่างอกสั่นขวัญหาย เธอเหลืองมอบภายในพิพิธภัณฑ์อันวุ่นวาย อีกทั้งมองดูแล้วว่าขอแค่ตัวเองวิ่งไปอีกสักสองก้าว ก็สามารถวิ่งไปถึงข้างรถคันที่มาส่งได้
ในชั่วครู่หนึ่ง ในสมองก็ดิ้นรนสลับย้อนแย้งไปมาอย่างรุนแรง
“โอเค พี่สะใภ้ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พวกเรารีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะ”
โชคดีที่ว่า ในเวลานี้สุกฤตก็เอ่ยปากพูดขึ้น
หลังจากที่เขาดูแล้วว่าเสียงปืนต่างรวมตัวดังกันอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เธอรีบออกไปทันที คิดอยากจะพาเธอออกไปจากที่นี่ในเวลานี้
แต่ผู้หญิงคนนี้ เขาไม่พูดแบบนี้ก็ยังดีไปอีกแบบ แต่พอพูดเธอก็หันหน้ามาทันที ดวงตารูปทรงอัลมอนด์ที่คมชัดคู่หนึ่งก็จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
“ทำไมนายอยากพาฉันหนีไป? ในเมื่อฉันทำลายแผนการของเขาแล้ว ก็ควรที่จะฆ่าฉันในเวลานี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องพาฉันหนีไป?”
“ผม.....”
สุกฤตพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
เส้นหมี่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งเข้าไปข้างใน
“พี่สะใภ้! พี่สะใภ้กลับมานะ!!” สุกฤตสีหน้าถอดสี ได้เพียงแค่วิ่งตามเธอเข้าไป เขาวิ่งตามไปและตะโกนเรียกไปด้วย
แต่ความเป็นจริงแล้ว ด้านในแห่งนี้มีผี
เพราะว่าในเวลานี้เสียงยิงปืนของทศราชที่ดังขึ้นข้างในพิพิธภัณฑ์นี้ คือหลังจากที่แผนการของเขาถูกทำลายลง ด้วยความโมโหเดือดดาล ก็เริ่มที่จะล่าเหยื่อขึ้นก่อนแล้ว และเหยื่อตัวนี้ก็คือ—แสนรักนั่นเอง!
“ไอ้เดรัจฉานนี่ ยังพอมีสมองอยู่บ้างสินะ!”
แสนรักที่จับจ้องมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาโดยตลอดผ่านกล้องวงจรปิด เห็นว่าในห้องโถงพิพิธภัณฑ์ชั้นล่างได้อยู่เหนือการควบคุมของตัวเองแล้ว ก็เกือบที่จะพลิกโต๊ะตรงหน้าเขาให้คว่ำลง
อีกทั้ง ไอ้เดรัจฉานแก่นั่นก็ยิ่งน่ากลัวมากอยู่ด้วย และชายตรงหน้าคนนี้ก็ยังเป็นสมองหลักของพวกเขาด้วย ถ้าหากไม่อยากให้ทุกคนแพ้อย่างน่าเวทนาในตอนสุดท้าย การปกป้องเขาเอาไว้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด
หลังจากที่ดลธีให้คนฝีมือดีที่สุดของและดราก้อน แชนท์สองสามคนเฝ้าอยู่ที่นี่แล้ว เขาก็นำคนอื่นๆ ออกไป
แสนรักยังคงอยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดต่อไป
กลับมองเห็นว่าในหน้าจอนั้น หลังจากที่กองกำลังของทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันเป็นทางการ การปะทะต่อสู้กันในทั้งพิพิธภัณฑ์หลังนี้ก็ยิ่งดุเดือดขึ้น ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเสียงปืน และทุกที่ก็เป็นฉากที่มีคนล้มลงไปกองกับพื้น
แต่คนของม็อกโกเป็นทีมย่อยแบบประจำการ
หลังจากที่ออกไปแล้ว เพียงแค่เห็นพวกเขาถือปืนกลอยู่ในมือ พอได้ทำการยิงสวนไปแล้ว จากการยิงปืนของพวกเขาทำให้พวกอันธพาลกำเริบเสิบสานเหล่านั้นล้มลงไปจำนวนไม่น้อย
“อพยพผู้คน! ธีระ นายพาคนไปอพยพผู้คนก่อน!”
เป้าหมายของม็อกโกคือไม่ใช่เพื่อฆ่าคนจำนวนเยอะ
แต่คือการปกป้องชีวิตของคนที่ไม่เกี่ยวข้องไว้ให้ได้เยอะที่สุดภายใต้กระสุนปืนของพวกอันธพาลกลุ่มนี้
ดังนั้นหลังจากธีระได้ยินคำสั่งแล้ว เขาก็นำคนที่ติดตามอยู่ข้างหลังซึ่งแข็งแรงเหมือนกับเสือชีตาร์รีบวิ่งไปทางห้องโถงชั้นล่างอย่างรวดเร็ว เตรียมที่จะอพยพพาแขกร่วมงานเหล่านั้นที่ต่างพากันหวั่นผวาออกไป
ดลธีทางนี้ก็รวดเร็วฉับไวเป็นอย่างมาก
พวกเขาไม่ใช่ทีมประจำการ แต่วิธีการต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ได้แย่หรือด้อยกว่า
หลังจากที่แต่ละคนออกมาจากมุมมืดแล้วปรากฏตัวอย่างรวดเร็วอยู่ด้านหลังของพวกอันธพาลเหล่านั้นราวกับวิญญาณ บ้างก็รัดคอ บ้างก็ยิงโดยตรง ยังไม่ถึงห้านาที จากบนหน้าจอแสนรักก็เห็นแล้วว่าจัดการไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก