“เป็นไงบ้าง? ไปได้ไหม?”
“ได้ ก็ไม่ได้ต้องอยู่ที่ฐานวิจัยตลอดเวลา คือไปแค่เป็นครั้งคราว ปกติก็คืออยู่ที่บนเกาะแห่งนี้”
ม็อกโกตอบคำถามตามความเป็นจริง
แสนรักพยักหน้า: “งั้นเอาแบบนี้ ชินจัง ต่อไปนี้ลูกก็ไปเรียนรู้ที่ฐานวิจัยกับคุณปู่มัตถ์ บนเกาะกลางทะเลแห่งนี้ คุณอาธิปของลูกจะไม่เข้าบริษัทสักระยะหนึ่ง แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ก็ต้องกลับเมือง A ชั่วคราว เดี๋ยวให้น้าภาของลูกมาดูแลลูกนะ แบบนี้ได้ไหม?”
เขามองดูยังลูกชายและปรึกษากับเขา
พอสิ้นเสียงคำพูด สองสามคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะโดยไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่ละคนต่างพากันเบิกตากว้างโต
แสงดาว: “ไม่เข้าบริษัท? นายให้ไปไหน?”
ม็อกโก: “.........ไปโรงพยาบาลประชาชนที่สี่แห่งเมืองหลวงจริงเหรอ?”
“……”
ไอแห้งกันสักพักหนึ่ง!
สุดท้ายก็เป็นคณาธิปเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า: “ไม่ใช่ คือไปที่ด็อกเตอร์ไพบูลย์ทางนั้นติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว น่าจะประมาณสักสองสามเดือน”
เชียนหยวนล๋ายเย่: “ใช่ค่ะใช่ค่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันก็ไปเป็นเพื่อนสามีด้วยค่ะ”
“……”
พากันเงียบงันทั้งโต๊ะอีกครั้ง
เพราะว่าคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ภายใต้การจัดการแบบนี้ต่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่คนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็พอใจมากกับการจัดการแบบนี้ ดังนั้นหลังจากที่บรรยากาศเคอะเขินแบบเวลาสั้นๆ ทุกคนก็กลับเข้าสู่สภาพปกติ และเริ่มกระตือรือร้นขึ้นมามากอีกครั้ง
ในตอนนั้นหลังจากที่ทุกคนกินอาหารเสร็จแล้ว ก็จัดเตรียมสัมภาระเสร็จเรียบร้อย แสนรักกับเส้นหมี่ และคณาธิปกับเชียนหยวนล๋ายเย่ก็พาหนูรินจังกับคิวคิวออกเดินทางกลับเมือง A
ส่วนแสงดาวกับม็อกโกสองคนก็คงอยู่ที่บนเกาะเพื่อดูแลชินจังก่อนชั่วคราวก่อนที่พี่ภาจะมาถึง
ชินจัง: “คุณป้า อันที่จริงป้าก็กลับไปได้นะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่”
แสงดาวรู้สึกได้ถึงความขยะแขยงของเจ้าหลานชายคนโต ทันใดนั้นจึงขมึงตาใส่
“ทำไม? เธอรังเกียจป้าเธอเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะชินจัง หากเธอทำให้ป้าของเธอโมโหขึ้นมาละก็จะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนเลย!”
“……”
เด็กน้อยร้อนใจแล้ว!
สุดท้ายได้เพียงแค่วิ่งลงมาชั้นล่าง แล้วนั่งทำการบ้านของตัวเอง
แสงดาวเห็นแล้วก็หัวเราะชอบใจอยู่พักหนึ่ง
“แม่น้องชินชิน? แม่น้องชินชิน? คุณอยู่ไหม?”
“หา?”
แสงดาวที่อยู่ในห้องได้ยินแล้วจึงรีบออกมา
“น้าตรี? น้านี่เอง”
เธอมองดูผู้หญิงวัยกลางคนที่ไว้ผมสั้นทัดหู บนร่างกายก็สวมเสื้อกาวน์สีขาวของสถาบันวิจัยอยู่ แต่ในมือกลับถือกล้วยสองเครือใหญ่อยู่ด้วยความแปลกประหลาดใจเล็กน้อย
ราตรียิ้ม: “ใช่ แม่น้องชินชินไม่อยู่เหรอ? ฉันเอากล้วยมาให้ นี่ไม่ใช่กล้วยธรรมดานะ เอามาจากที่บ้านของพวกเรา อร่อยมากๆ เลย”
เธอถือกล้วยสองเครือนั้นอยู่ในมือดูแล้วจ่าจะหนักสักห้ากิโลกว่าๆ
อุตส่าห์นำมาให้ถึงหน้าประตูแล้ว จะปฏิเสธได้อย่างไรกัน
ชินจังคือคนโปรดของบ้านตระกูลหิรัญชา และยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเทวเทพ จะสามารถปล่อยให้คนอื่นมาดูแลแบบมั่วๆ ได้งั้นเหรอ? และไม่ต้องพูดถึงว่าป้าคนนี้จะไม่ตกลง
ถึงแม้ว่าแด๊ดดี้เขามาแล้ว นั่นก็ไม่มีทางยกให้คนอื่นอย่างแน่นอน
คืนนั้น แสงดาวและม็อกโกทั้งสองคนจึงพาชินจังไปกินข้างที่บ้านของ ถมัตถ์ คนนี้
อาหารมากมายเต็มโต๊ะจริงๆ ราตรี คนนี้เกือบจะวางอาหารไว้จนเต็มโต๊ะเพื่อต้อนรับพวกเขา และชินจังทางนั้นก็ยิ่งใส่ใจมากยิ่งขึ้น
เธอยังทำไข่ม้วนห่อกุ้งจานหนึ่ง และสเต๊กอีกจานหนึ่งให้กับเขาอีกด้วย
“กินเถอะ ชินชิน อันนี้ทำให้หนูโดยเฉพาะเลยนะ”
“ขอบคุณครับ”
ชินจังเย็นชา
แต่เขามีมารยาทมาก หลังจากที่เห็นว่าของเหล่านี้คือจัดเตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ เขาก็เลยกล่าวคำขอบคุณ
ราตรี: “เด็กคนนี้ รู้เรื่องมากเลยจริงเชียว กับย่าจะเกรงใจอะไรกัน? ต่อไปหากอยากกินก็มาได้ตลอดเวลาเลยดีไหม?”
เธอยิ้มและพูดอย่างใจดี และกำลังจะยื่นมือไปลูบศีรษะของเด็กคนนี้
แต่ในวินาทีนี้ ชินจังที่มีโรครักความสะอาดยิ่งชีพเช่นเดียวกับแด๊ดดี้ของเขา ก็หลบห่างออกทันที อีกทั้ง ตรงคิ้วอันแสนเย็นชาก็เริ่มที่จะไม่พอใจแล้ว
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร คุณน้า น้าไม่ต้องเกรงใจเขา เขายังเป็นเด็กคนหนึ่ง”
แสงดาวรู้สึกได้ถึงสิ่งเหล่านี้ จึงรีบไปที่หลานทางนั้นทันทีแล้วแยกทั้งสองคนออกจากกัน
ราตรี จึงได้เดินไปห้องครัวอย่างอายๆ
แต่ในตอนที่เธอเดินไป ก็ยังหันมามองอยู่เป็นระยะ มองดูชินจังที่กำลังเริ่มก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก