เพราะว่า เธอสังเกตเห็นว่าเขานิ่งเงียบไม่พูดเป็นเวลาอยู่นาน มีเพียงสายตาคู่หนึ่ง จ้องมองอย่างเหม่อลอยอยู่ด้านนอกเฮลิคอปเตอร์อย่างตกอยู่ในภวังค์
“หืม?”
แววตาของแสนรักมองมาแล้ว
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“……”
รู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ อย่างไร้เหตุไร้ผล
เส้นหมี่ออกแรงทั้งหมดกำนิ้วแน่นอย่างลับๆ สักพักใหญ่ๆ ถึงจะได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูดซ้ำอีกรอบว่า : “ฉันพูดว่า หลังจากที่กลับไป จะพาลูกไปตรวจสักหน่อยไหมคะ?”
“โอเค แต่ว่า……พี่อาจจะไปเป็นเพื่อนเธอไม่ได้แล้วนะ พี่ต้องไปเมืองหลวงสักรอบ”
“หา?”
เส้นหมี่มองเขาด้วยความประหลาดใจทันที
ไปเมืองหลวงเหรอ?
ทำไม? นี่เขามีเรื่องอะไรหรือปล่าว? หรือจะบอกว่า เขาจะไปหาไพบูลย์หรอกเหรอ?!!
ใบหน้าของเธอยิ่งซีดขาวลงไปอีก
“ที่รัก พี่……”
“หืม?”
ผู้ชายยังคงครุ่นคิดอยู่ จู่ๆก็ได้ยินคำที่ใช้เรียกไม่บ่อยคำนี้ ในที่สุดเขาก็มองไปทางผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจังสักที
หลังจากนั้น เขาสังเกตเห็นเสียทีว่า หน้าตาเธอซีดเซียวไปหมด ดวงตาที่ทั้งสวยงามกลมโตและใสสะอาดคู่หนึ่ง จ้องมองเขาอยู่มีบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าความตื่นกลัวแผ่ขยายออกมาแล้ว
ยัยเด็กโง่นี่ กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ?
เธอคิดว่าเขากำลังจะเป็นบ้าอยู่อีกหรือปล่าว?
เขาจึงเอื้อมมือจับข้อมือเล็กบอบบางที่เธอวางอยู่บนโต๊ะอย่างเสียไม่ได้
เป็นไปตามคาด มือก็จับไว้แน่นเช่นกัน
“เด็กโง่ เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? สามีของเธอปกติดีอยู่นี่ ลมและคลื่นลูกใหญ่ขนาดนี้สามีของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนอื่นสักหน่อยเลย ตกลงว่าเธอไม่มั่นใจในตัวผู้ชายของตัวเองมากแค่ไหนกันแน่เนี่ย?”
“หะ?”
เส้นหมี่กำลังถูกปกคลุมด้วยความกลัวเต็มทั่วไปหมด ทั่วทั้งร่างกายของเธอต่างไม่รับรู้อะไรเลยอยู่ตรงนั้น พอได้ยินคำพูดนี้เข้า
“พี่……พี่ไม่มีเหรอคะ?”
“ไม่มีแน่นอน พี่ไปเมืองหลวง เพียงแค่อยากจะหาครอบครัวของวิศวกรเหล่านั้น ชดเชยให้พวกเขาหน่อยน่ะ การตายของเปรมไตร ก็เป็นเพราะว่าพี่จริงๆนั่นเเหละ ดังนั้น พี่ควรจะรับผิดชอบ ผลพ่วงที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
“ว่าแต่คำพูดของหญิงเสียสตินั่น กับโดนสุนัขกัดกลับมันแตกต่างกันยังไง? ก็เหมือนกับผู้หญิงโดนอิทธิพลโหดร้ายป่าเถื่อน แล้วนักโทษกลับบอกว่านั่นก็เป็นเพราะว่าใส่กระโปรง อยากจะล่อลวงให้เขาทำความผิดอย่างนั้นเหรอ เธอคิดว่ามันมีเหตุผลไหม?”
แต่ว่า ผ่านไปคืนเดียว เมื่อตอนที่ข่าวส่งมาทางด้านแสนรัก กลับเห็นว่าเขาตัดสินใจที่พานทำให้ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมากอีกครั้ง
ไชยันต์ : “ลูกแน่ใจหรือว่าต้องการให้ชินชินไปสถานวิจัยน่ะ? แล้วก็ ลูกต้องจัดหาเงินทุนส่วนตัวในการสร้างฐานขึ้นมาใหม่ด้วยหรือปล่าว? พ่อเตือนลูกไว้เลย ค่าใช้จ่ายนั่นไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลยนะ”
คุณท่านคนนี้ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะว่า ในสายตาของเขา สิ่งที่ลูกคนนี้พูดมาทั้งหมด ล้วนไร้เหตุไร้ผลสิ้นดี และก็คาดไม่ถึงสุดๆเช่นกัน
ลูกชายของตัวเองเพิ่งเกือบตายแต่สุดท้ายกลับโชคดีรอดชีวิตกลับมาจากที่นั่นได้
แต่ตอนนี้ ดันต้อนส่งไปอีก
ส่วนการจัดหาเงินทุน นั่นก็ยิ่งต้องเพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้ว่าราตรีจะพูดแบบนั้น แต่จริงๆแล้วมันมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วยล่ะ? เขาเป็นคนที่รู้เหตุรู้ผลดี ไม่มีทางคิดไปทางนั้นแน่นอน
แต่ว่า คืนนี้ ชายหนุ่มคนนี้รออยู่ในห้องหนังสือของเขา กลับดูภาพต้นสนที่แขวนอยู่บนกำแพง โดยไม่มีความลังเลใดๆ
“อุบัติเหตุครั้งนี้ สถาบันวิจัยสูญเสียสุดยอดวิศวกรไปเกือบสองส่วนสาม พ่อมีกองทัพ แต่ไม่มีอาวุธเทคโนโลยีขั้นสูงมาข่มขวัญประเทศอื่นและก็ป้องกันพวกเขา พ่อจะประคับประคองได้จนถึงเมื่อไหร่กันครับ?”
“……”
“แล้วก็ ชินจังเป็นลูกผม แต่ว่าเพื่อใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุดในพื้นที่ๆสำคัญที่สุด ต่อให้ยอดเยี่ยมแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ในฐานะที่พ่อเป็นผู้นำของประเทศนี้ สิ่งที่กังวลในตอนนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องนี้นะครับ กลับกันต้องคิดดูให้ดีๆว่า จะหาคนแบบชินจังให้เพิ่มขึ้นอีกจากในประเทศได้ยังไง ไม่ใช่เหรอครับ?”
สุดท้ายเขาก็ไม่มีอารมณ์ย้อนถามประโยคนี้อีก
ในชั่วพริบตา ชายชราที่ย่างเข้าวัยแปดสิบปีแล้ว ยืนอยู่ด้านหลังเขาสุดจะทนจนไม่รู้จะพูดยังไงอีก
มี เพียงแค่ความกระอักกระอ่วนและรู้สึกอับอายขายหน้า……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก