“เพราะ……เพราะอะไรคะ?”
เชียนหยวนล๋ายเย่ตกใจจนกลัว เธอยืนอยู่ในที่เดียวกันมองพี่สาวคนนี้อย่างไร้เดียงสา และฟังไม่เข้าใจเลยว่าเธอหมายถึงอะไร
กลับเห็นว่า หลังจากที่พิมแสงเห็นท่าทางดูซื่อบื้อแบบนี้ของเธอแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมาอีก
“เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะว่า พี่เห็นพวกเธอรักกันทุกวัน ส่วนพี่ก็ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขแบบนี้ ในใจพี่จึงรู้สึกอัดอั้นตันใจ เธอรู้ไหม? แต่ก่อนสามีของเธอสนิทสนมกับพี่มากๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำตอนนี้ ล้วนเป็นพี่เองที่ช่วยเขาทำ”
“……”
ในที่สุดเด็กสาวก็เบิกตาโพลงเสียที
แต่ว่า ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะว่าพี่สาวคนนี้ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคน และเอ่ยต่อไปอีกว่า
“เธอดูสิ ตอนนี้เธอถือตระกร้าจะไปซื้อผัก ก็คือสิ่งที่พี่ทำเป็นประจำแต่ก่อน แล้วก็ เธอทำอาหารเสร็จรอเขากลับมา ทำความสะอาดบ้านรีดผ้าให้เขา พวกนั้นล้วนเป็นพี่ที่ทำเองทั้งหมด พี่ทนรับความไม่เป็นธรรมแล้ว โดนรังแก กอดเขาร้องไห้ อ้อดอ้อนเขา แต่ตอนนี้คนๆนี้ กลับเปลี่ยนกลายเป็นเธอ? เธอว่าพี่จะอัดอั้นตันใจไหม? จะไม่อิจฉาได้เหรอ?”
เธอเอ่ยที่ละประโยคติดๆกัน
สีหน้าท่าทางนั้น ดูราวกับเป็นโรคประสาทจริงๆ
เชียนหยวนล๋ายเย่หน้าถอดสี มองพี่สาวคนนี้อย่างตกตะลึงจนตาค้าง ในสายตาเสมือนกับลูกคลื่นมหึมาโหมซัดซาดจนน่าสะพรึงกลัว!
ไม่สิ ที่เธอพูดเเบบนี้ นั่นหมายความว่ายังไงกันนะ?
นี่ทำไมถึงยังเกิดแรงอิจฉาริษยาออกมาได้ล่ะ? เธอเป็นเพื่อนของสามี ทำไมถึงพัฒนามาถึงจุดที่ชีวิตที่มีความสุขของสามีภรรยาทำให้เธอไม่สบายใจได้ล่ะ?
เด็กสาวไม่อยากจะเชื่อคำพูดแบบนี้
แต่ว่า สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ หลังจากที่ฟังคำพูดนี้จบลง ในใจของเธอ เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วจริงๆ เริ่มไม่สบายใจ และเริ่มกระวนกระวายใจ
“ดังนั้น พี่เตือนเธอไว้ก่อนว่าปล่อยพี่ไปจะเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้น พี่จะทำให้เธอเสียใจในภายหลังจริงๆ!”
พิมแสงข่มขู่ไปประโยคหนึ่งอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ประโยคหนึ่งเอ่ยจบลง หน้ากลมๆของเด็กสาวคนนี้ยิ่งซีดเผือดเพิ่มขึ้นไปอีก
เธอเหมือนเด็กที่ไม่เคยผ่านหลักการใช้ชีวิตในสังคมเลยสักนิด เลยตกใจเสียง่ายๆ ท่าทางก็ดูลุกลี้ลุกลนไปหมด
ที่แท้ คนที่หัวคิดดื้อดึงยึดความคิดของตนเองเป็นหลักอย่างถึงที่สุดคนหนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเดินเข้าไปในใจของเขาได้ แต่เป็นเพราะว่าชอบสาวน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาแบบนี้มากกว่า ก็เหมือนกับสถานที่สกปรก ขอเพียงแค่น้ำที่สะอาด ถึงจะชะล้างมันได้อย่างสะอาดหมดจด
พิมแสงหันหลังเตรียมไปเก็บข้าวของให้เรียบร้อย
แต่ในตอนนี้ จู่ๆเด็กสาวที่อยู่ด้านหลังก็เอ่ยว่า : “น้องไม่ปล่อยพี่ไปหรอก น้องไม่เชื่อว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้ หากพี่จะทำร้ายพวกเราจริงๆ พี่ก็คงเริ่มลงมือไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องบอกน้องด้วย?”
“……”
พิมแสงที่กำลังจะเข้าไป จึงหยุดชะงักลง
มือที่จับกรอบประตูไว้อยู่ ก็ยิ่งซีดขาวไปหมด
นึกไม่ถึงว่าเธอจะ……ไม่โง่?
เธอออกเเรงกัดริมฝีปากไว้ กัดมันจนเลือดแทบจะออกมาแล้ว
“พี่พิมแสง น้องรู้ว่าพี่ก็แค่อยากจะออกไปตามหาพี่มาร์ติน ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่อยากพบเขา น้องก็จะไปตามหาให้พี่เอง น้องจะไปตามหาเขามาค่ะ พี่บำรุงครรภ์อยู่ที่บ้านดีๆได้ไหม?”
“ไม่ต้อง!”
“เธอยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
“ห๊ะ? คุณพิมแสง ยังเลยค่ะ ไปทั้งวันเเล้วด้วยค่ะ”
คนรับใช้รีบร้อนตอบ
พิมแสงได้ยิน สีหน้าจึงยิ่งซีดเพิ่มขึ้นอีก
ยัยเด็กนั่น คงไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นอะไรไปหรอกนะ?
เธอก็ลนๆลานๆเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน ก็กำชับไปทางคนรับใช้คนนี้ว่า : “เธอรีบไปเตรียมรถไว้ พวกเราจะไปตามหาเธอด้วยกัน มาร์ตินเป็นดารา รอบๆล้วนเป็นเเฟนคลับที่บ้าคลั่งอย่างมากกันทั้งนั้น”
“หา?”
คนรับใช้อึ้งตะลึงงันไป
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองคนก็ออกจากบ้านกันแล้ว
แต่ว่า พวกเขาไม่ได้ไปตระกูลโรแกน แต่กลับไปสถานที่ๆมาร์ตินอัดรายการ
จุดนี้ พิมแสงมีประสบการณ์กว่าคณาธิปแน่นอน เธอตามตอแยมาร์ตินมานานหลายปี ย่อมต้องทราบร่องรอยของเขาดีอยู่แล้ว เหมือนตอนฉลองปีใหม่แบบนี้ ในฐานะซุปเปอร์สตาร์ภาพยนตร์ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะว่างจนไม่มีงานทำ
ดังนั้น เธอจึงไม่เป็นกังวลกับตระกูลโรแกน
เธอกังวลกับการอัดรายการหน้างานบ้าบอพวกนั้น เด็กสาวซื่อบื้อคนนั้น จะเกิดอุบัติเหตุเสียมากกว่า
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา นอกเพิร์ล สเตเดี้ยมของเมืองนี้ เป็นไปตามที่คาดไว้ หลังจากที่ทั้งสองคนถึงที่นี่ ก็เห็นคนด้านนอกล้อมแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ และป้ายซับพอร์ตที่พวกเขาถืออยู่ในมือ ก็คือชื่อของมาร์ติน แล้วก็รูปถ่ายของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก