“ท่านประธานครับมีคนรายงานว่าคุณทุจริตเงินพันล้าน”
“ทุจริต?”
“ใช่ครับ ในจดหมายบอกว่าเงินจำนวนนี้เดิมทีเป็นของ…..อดีตภรรยาของคุณที่ลักมาจากการทำความร่วมมือกับบริษัทของอีริค ดังนั้นพวกเขามีเหตุผลที่จะสงสัยได้ว่านี่เป็นการวางหมากของคุณ หลังจากนั้นเป็นไปตามแผนก็ทุจริตเงินพันล้านนี้”
เคพลางมองจดหมายในเมล พลางพูดพรรณนาให้กับBOSSของเขาได้ฟังอย่างไร้เรี่ยวแรง
แม่งเอ๊ย พันล้านเนี่ยนะ ท่านประธานของเขาจะคุ้มไหม?
หลังจากที่แสนรักได้ฟังก็มองมาเหมือนคนที่ประสาทเสีย ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าพอตกช่วงบ่าย คณะกรรมการที่เป็นผู้ถือหุ้นฝั่งเขาก็มาหาเขาทันที
“รัก เรื่องที่รายงานในจดหมายนั้นจริงหรือเปล่า? บอกกับผมมา”
“คุณคิดว่าไง?”
แสนรักนั่งอยู่ที่ตรงทำงานย้อนถามด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
ผู้ถือหุ้นเผยให้เห็นสีหน้าหนักหน่วง “ผมรู้ครับว่ามันไม่จริง แต่ตอนนี้กลุ่มคนพวกนั้นกลับสงสัย พวกเขาบอกแล้วว่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็คือจะรู้สึกว่าพฤติกรรมความสามารถในการควบคุมดูแลของคุณมีปัญหา ต้องดำเนินการขั้นต่อไป”
แสนรัก “…….”
พฤติกรรมความสามารถในการควบคุม?
หมายถึงอะไร?
ชายคนนี้หรี่ตา แล้ววางปากกาที่อยู่ในมือลง “คุณอยากที่จะพูดอะไรกันแน่? คนแก่ๆพวกนั้นหาเรื่องอะไรบ้าๆลับหลังผมอีกงั้นหรอ?”
ผู้ถือหุ้นกระแอมแล้วพูดความจริงว่า “ช่วงนี้ คณะกรรมการได้เอ่ยถึงข่าวลือของคุณก่อนหน้านี้ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต พวกเขากำลังซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วยังปล่อยข่าวว่ามีคนเจอหลักฐานแล้ว”
“เพี๊ยะ”
พอได้ยินดังนั้น ห้องทำงานที่เงียบสงบก็มีเสียงของสิ่งของที่ฟาดลงบนโต๊ะเสียงดัง
หลักฐาน?
หลักฐานอะไร? หลักฐานที่บอกว่าเขาเป็นโรคประสาทหรอ?
ผู้ชายที่ถูกยั่วให้โมโหก็มีสายตาที่เยือกเย็น สายตานั้นเหมือนผู้ร้ายฆ่าคนก็ไม่ปาน “เอาสิ งั้นก็ให้พวกมันงัดหลักฐานออกมา ผมก็อยากดูเหมือนกันว่าหลักฐานอะไร?”
“รัก คุณใจเย็นก่อน เรื่องนี้อาจจะรุนแรงพอตัวจริงๆ ถ้าพวกเขาจับจุดอ่อนของคุณได้ ตามกฎข้อบังคับของคณะกรรมการคุณตีเสมอพวกเขาไม่ไหวแน่”
ผู้ถือหุ้นเห็นอารมณ์เขาปะทุอย่างนี้ก็รีบพูดโน้มน้าว
แต่ในความจริงแล้วก็เป็นอย่างนี้จริงๆ เพราะบริษัทที่เป็นระบบหุ้นส่วนนี้ แม้ว่าตอนนี้หิรัญชากรุ๊ปเป็นผู้คุมอำนาจ แต่ถ้าผู้คุมอำนาจไม่ชอบธรรมจนเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของบริษัท งั้นผู้ถือหุ้นคนอื่นก็สามารถปลดออกได้ตามกฎข้อบังคับของคณะกรรมการ
แต่พอแสนรักได้ฟัง กลิ่นอายความโกรธที่อยู่ในดวงตาของไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น
แต่ว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือพอเธอหันตัวกลับนั้นเงาร่างคนนึงก็เผยขึ้นมา
“เส้นหมี่ เธอนั่นเอง ช่างกล้านัก กล้ามากที่มาหาเรื่องที่บ้านของผม เอาของคืนมาให้ผม!” สุเชาวน์เอี้ยวตัว หลังจากที่โผเข้ามา เขาก็ให้ใช้เท้าถีบเส้นหมี่ทันที
เส้นหมี่ไม่ทันตั้งตัว!
แต่ยังทันที่จะผลักลูกชายออกไปด้านข้างได้ เธอรู้สึกเจ็บปวดตรงหน้าท้อง เหมือนร่างจะแยก ถูกคนเหี้ยมโหดคนนี้ถีบลงไปนอนกับพื้น
“หม่ามี๊! หม่ามี๊!!”
คิวคิวเห็นให้ตกใจร้องขึ้นทันที
สุเชาวน์เข้ามา มองดูผู้หญิงที่ตัวเองถีบให้นอนลงกับพื้น เขาทั้งตื่นตะหนกทั้งตะลึง “พวกเธอกำลังทำอะไร? เอาของคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เส้นหมี่นอนกุมหน้าท้องขดตัวอยู่ตรงนั้น
จริงๆแล้วเธอพูดไม่ออก ความเจ็บปวดมันมีมากจนทำให้ด้านหน้าของเธอเลือนลาง
แต่ว่าเมื่อได้ยินคำนี้ เธอยังคงพยายามอดทน หลังจากนั้นลืมตาทั้งสอง “อาเล็ก กำลัง….พูดอะไรคะ? หนูฟังไม่เข้าใจ แล้วก็….ทำไมถึงมาเตะหนู?”
พูดยังไม่ทันไร เหงื่อเม็ดโตที่ปกคลุมอยู่บนใบหน้าน้อยที่ซีดเซียวก็ไหลออกมาไม่หยุด
คิวคิวเห็นก็กอดหม่ามี๊ร้องไห้หนักมาก “หม่ามี๊…..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก