สาวน้อยนางหนึ่งยืนอยู่หลังฝูงคนอย่างเงียบ ๆ มองเฉินโม่จุดไฟในระยะห่าง ความอัศจรรย์ใจแสดงขึ้นบนใบหน้าที่น่ารัก
“ที่แท้เขาเก่งกาจถึงขนาดนี้ รู้อย่างนี้แต่แรกเราก็ไม่น่าไปเสนอหน้าช่วยเขาเลย!”
เด็กสาวคนนี้ก็คือเจียงเยว่เจียว ข้างหลังของหล่อนติดตามมาด้วยผู้เฒ่าท่านหนึ่ง
เย่ซูซูกับกู่หลานยืนมองเฉินโม่อยู่ด้านข้าง ใบหน้ากู่หลานดูอึมครึม “ไอ้เด็กน้อยนี่ มันคมในฝักจริง ๆ ถึงกับมีฝีมือใช้ได้ถึงขนาดนี้!”
เย่ซูซูพูดว่า “ฉันก็รู้สึกในตัวของเขามีอะไรแปลก ๆ อยู่ คุณควรต้องระวังไว้หน่อยด้วย”
กู่หลานรู้สึกว่าจะถูกเย่ซูซูดูถูกไปแล้ว สะบัดเสียงฮึออกมาพูดไปว่า “ก็แค่โชว์ลูกเล่นไปเล็กน้อย ด่านที่สามที่ทดสอบนั้นเป็นเรื่องสภาวะทางจิตกับพละกำลัง ว่ากันตามที่เห็นเขารีบจะโชว์ตัวเขาแบบนี้ ไม่มีทางผ่านด่านสามไปได้เป็นแน่ เธอคอยดูไปเถอะ หลังจากนี้เขาก็จะหมดแรงหนุนไป!”
เย่ซูซูขมวดคิ้วย่น หล่อนรู้นิสัยกู่หลานดี ความขี้อิจฉาสูงมาก รู้งี้แล้วไม่น่าไปพูดเตือนเลย
ผู้ให้สัญญาณเปลี่ยนสัญญาณธงถี่ขึ้นและยิ่งเปลี่ยนยิ่งเร็ว ส่วนเฉินโม่ก็ยังคงใช้วิธีการจุดไฟในระยะห่าง อีกสองคนนั้นเหงื่อผุดออกเต็มหน้าผากแล้ว การเร่งเปลี่ยนระดับเปลวไฟแบบนี้ เป็นการเร่งการสูญเสียพลังชี่แท้ของพวกเขา
เฉินโม่ก็ยังคงมีสีหน้าสบาย ๆ ทุกครั้งก็เป็นอันดับคนแรกที่เปลี่ยนสถานะเปลวไฟ ทำเอาคนดูทั่วไปตื่นกันตาค้าง
ตลอดไปจนถึงจบการทดสอบในด่านที่สาม อีกสองคนยืนหอบกันหายใจแทบไม่ทัน แต่เฉินโม่ยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี
กู่เยว่เหอประกาศด้วยเสียงอันดัง “สิ้นสุดด่านที่สาม!”
“ผู้ที่ผ่านด่านที่สามมาได้ สามารถท้าดวลแลกเปลี่ยนทักษะกันกับกรรมการตัดสินและประธานผู้ดำเนินงาน ใครสามารถทำได้สำเร็จ ก็จะได้เป็นกรรมการผู้ตัดสินหรือเป็นผู้ดำเนินงาน”
มู่เจิ้งเฟิงเดินเข้ามาข้าง ๆ เฉินโม่ พูดว่า “ผ่านได้สามด่านแล้ว สามารถขึ้นไปท้าดวลแลกเปลี่ยนทักษะกันกับกรรมการตัดสินและประธานผู้ดำเนินงานได้ ถ้าสามารถเอาชนะได้ ก็สามารถขึ้นแทนที่เป็นกรรมการตัดสินหรือประธานผู้ดำเนินงานในงานครั้งต่อไป”
กู่เยว่เหอชี้ไปทางกรรมการตัดสินพวกนั้น พูดว่า “ข้างหลังข้านี้คือคณะกรรมการตัดสิน เจ้าจะเลือกท่านใดล่ะ?”
พวกกรรมการตัดสินเหล่านั้นต่างแหงนหน้าขึ้น มองหน้าเฉินโม่ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ถึงแม้ตอนที่เฉินโม่ฝ่ามาสามด่านนั้น แสดงออกได้ไม่เลว แต่การปรุงกลั่นยากับการฝ่าด่านนั้นไม่เหมือนกัน จำเป็นต้องมีประสบการณ์มากมหาศาล เฉินโม่อายุยังน้อยนิด ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ แต่ในประสบการณ์ปรุงกลั่นยานั้น คงไปไม่รอดแน่นอน
คิดจะท้าประลอง นั่นจำเป็นจะต้องลงมือกันจริงในการปรุงกลั่นยา ให้เห็นว่ายาที่ปรุงกลั่นออกมาสูงอยู่ในขั้นไหน อันไหนมีสรรพคุณดีกว่ากัน ไม่เหมือนการฝ่าด่านทั้งสามมา สามารถใช้เทคนิคที่เตรียมพร้อมมาใช้ฝ่าผ่านไปได้
สายตาของเฉินโม่ไม่ได้มองเหล่าคณะกรรมการพวกนั้น แต่จ้องที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเป็นมิตรของกู่เยว่เหอ พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ผู้ที่ผมขอท้าคือคุณ”
ใบหน้ายิ้มแย้มของกู่เยว่เหอตึงเครียดขึ้นมา เขาเป็นประธานผู้ดำเนินงานแลกเปลี่ยนทักษะในวงการปรุงกลั่นยามาหลายสมัยแล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้าท้าทายกับศักดิ์ศรีของสำนักตันจงของเขา
ไม่คิดว่ามาขณะนี้กลับมีหนุ่มน้อยวัยยังไม่ถึงยี่สิบคนหนึ่ง มาท้าทายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แดนนิรมิตเทพ
แปลต่อหน่อยครับ...
อ่านต่อไม่ได้เลย...
เงียบสนิท...
ตั้งแต่ตอน1299ถึง1420ไม่มีเลยค่ะตอนขาดหายไปเลย ขอร้องทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ...
ขอร้องทางทีมงานอัพเดทให้ถึงตอนจบด้วยนะคะ😭...
ไม่เขียนต่อแล้วหรือครับ...