เมี่ยวชุ่ยหลานคิดไปคิดมาก็มีเพียงเรื่องนี้ที่ตนพูดความจริง นางไม่ได้โกหก
และนางคิดว่า หากความจริงที่ลั่วเสี่ยวปิงใจง่ายเป็นที่ประจักษ์ งั้นพวกชาวบ้านก็จะเกิดความสงสัยในคำพูดของนาง
เมื่อคิดเช่นนี้ เมี่ยวชุ่ยหลานก็ลืมความรู้สึกที่ได้รับก่อนหน้านี้ หัวร้อนขึ้นมา คำพูดก็หลุดออกจากปากไป
แต่ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เมี่ยวชุ่ยหลานก็รู้สึกเย็นไปทั้งตัว เหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องจะกิน
ด้วยสัญชาตญาณ เมี่ยวชุ่ยหลานหันไปมองฉีเทียนเห้า
แล้วก็มองเห็นสายตาเฉียบคมคู่นั้นของฉีเทียนเห้าเมี่ยวชุ่ยหลานตกใจจนก้าวถอยหลัง จนเกือบล้ม
ในขณะที่จิตใจเมี่ยวชุ่ยหลานกำลังกระวนกระวาย ฉีเทียนเห้าก้าวเดินไปข้างหน้า เพราะยืนอยู่ข้างหลังลั่วเสี่ยวปิงเพียงหนึ่งก้าว มายืนข้างลั่วเสี่ยวปิง จากนั้นฉีเทียนเห้าเอื้อมมือไปโอบกอดเอวลั่วเสี่ยวปิงอย่างไม่คาดคิด
“เมื่อห้าปีก่อน เราเคยไหว้ฟ้าดินร่วมกันแล้ว ใครบอกว่านางมีลูกก่อนแต่งงาน?” ฉีเทียนเห้ามองดูเมี่ยวชุ่ยหลาน สายตาเย็นชา น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความปกป้องลั่วเสี่ยวปิง
คำพูดของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงก็อึ้งเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก
นางคิดว่า นี่น่าจะเป็นเพราะฉีเทียนเห้าเห็นแก่ ความร่วมมือที่พวกเขาตัดสินใจจะแต่งงานกัน จึงยืนออกมาช่วยนางพูดแก้ต่างต่อหน้าทุกคน
คำหลอกลวงที่เขาเป็นพ่อแท้ๆของลูกก็มีแล้ว ยังจะสนใจเรื่องที่ไหว้ฟ้าดินร่วมกันแล้วหรือ?
อีกอย่าง นี่ก็ถือเป็นโอกาสในการแสดงให้ลูกๆได้เห็นด้วย ลั่วเสี่ยวปิงให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน ปล่อยให้ฉีเทียนเห้าโอบกอดตนเองอย่างตามสบาย
และแล้ว เมี่ยวชุ่ยหลานกลับตกตะลึงอย่างมาก แล้วก็ปฏิเสธทันที
“เป็นไปไม่ได้”
นางไม่เชื่อ
ลั่วเสี่ยวปิงท้องโดยที่ไม่ได้แต่งงาน
เด็กสองคนนั้นเป็นเด็กนอกคอก
ดังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงจะเคยแต่งงานกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ยังไง?จะต้องเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะปกป้องลั่วเสี่ยวปิงจึงแต่งเรื่องพูดโกหก
เมี่ยวชุ่ยหลานไม่เชื่อคำพูดของฉีเทียนเห้า เพียงเพราะตอนนั้น ตอนที่เมี่ยวชุ่ยหลานกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตนเองถูกแม่สามีลงโทษ จึงรีบหนีกลับมาบ้านอย่างร้อนตัว เรื่องที่ฉีเทียนเห้าเป็นพ่อของอานอานกับเล่อเล่อ ยังไม่เป็นที่รู้กัน ดังนั้นเมี่ยวชุ่ยหลานจึงไม่รู้เรื่องนี้
แต่เมื่อเมี่ยวชุ่ยหลานไม่ยอมรับคำพูดของฉีเทียนเห้า ด้วยความกลัว จึงหันไปมองฉีเทียนเห้าแวบหนึ่ง สายตากลับมองไปที่ใบหน้าฉีเทียนเห้าข้างที่ไม่มีบาดแผลพอดี
หากไม่ดูก็ไม่เป็นไร เมื่อดูแล้ว เมี่ยวชุ่ยหลานตกตะลึงอย่างมาก
นางต้องตาฟาดไปแล้วแน่ ไม่อย่างนั้นจะมองเงาของเด็กอานอานคนนั้นบนใบหน้าของผู้ชายน่ากลัวนั้นได้อย่างไร?
เมี่ยวชุ่ยหลานอยากมองดูให้ชัดเจน กลับสบกับสายตาเย็นชาแฝงไปด้วยความเกลียดชังของฉีเทียนเห้า เมี่ยวชุ่ยหลานตกใจจนรีบหลบสายตาไป แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานปกคลุมไปด้วยความอันตรายขึ้นมาทันที
ในเมื่อเป็นความจริง งั้นผู้ชายคนนั้น ก็เป็นพ่อที่แท้จริงของอานอานเล่อเล่อ
เป็นไปได้อย่างไร? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ไม่มีเหตุผลโจมตีลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานเกิดความรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ รู้สึกเพียงว่าวันนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว
ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานคิดอะไรอยู่ ฉีเทียนเห้าไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้
แค่สายตาเหลือบมองเห็นผู้หญิงคนนั้นเพียงแวบเดียว เขาก็รู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด
ฉีเทียนเห้าหันไปทางอื่น หันตัวไปหาผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นข้ากับเสี่ยวปิงแต่งงานกัน ไม่มีคนที่นางรู้จักเป็นพยาน จนทำให้หลายปีมานี้นางต้องเผชิญหน้าแบกรับคนตำหนิเพียงลำพัง รบกวนหลังจากกลับไปแล้ว ผู้ใหญ่บ้านช่วยเลือกวันมงคล ถึงตอนนั้นข้าจะแต่งงานกับเสี่ยวปิงอีกครั้ง พร้อมจัดงานเลี้ยงเชิญทุกคนมาร่วมฉลอง”
จางเต๋อหวั่งได้ยินฉีเทียนเห้าพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจอยู่แล้วว่าฉีเทียนเห้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน เพราะต้องการกู้หน้าลั่วเสี่ยวปิง กอบกู้ชื่อเสียงของลั่วเสี่ยวปิง จึงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้ารับปาก หลังจากกลับไปแล้วข้าจะดูวันมงคลให้พวกเจ้า”
พูดเสร็จ จางเต๋อหวั่งหันไปมองเมี่ยวเต๋อ พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องเป็นแบบนี้ คาดว่าในใจเจ้าคงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว คนบ้านเมี่ยวกุ้ยรังแกคนสกุลจาง วันนี้ยังไงก็จะเรียกร้องความยุติธรรมนี้ แค่อยากถามว่า พวกเจ้าคนหมู่บ้านเมี่ยวเจีย มั่นใจว่าจะมีส่วนร่วมด้วย?”
ส่วนเรื่องนี้ ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเมี่ยวเจียก็สามารถตอบตกลง รับปากว่าจะให้คนในหมู่บ้านไปจัดการเรื่องนี้ ข้อนี้จึงถือว่าจบลงแล้ว
คนตระกูลเมี่ยวถึงแม้จะสีหน้าย่ำแย่ กลับยังคงอดกลั้นอยู่ไม่พูดอะไร
เวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงกลับพูดต่อว่า “ขาของจางต้าหลางถูกตีหัก บ้านเมี่ยวชุ่ยหลานจะต้องชดใช้เป็นเงินจำนวนห้าสิบตำลึง”
เดิมลั่วเสี่ยวปิงอยากพูดว่าหนึ่งร้อยตำลึง แต่ห้าสิบตำลึงสำหรับครอบครัวเกษตรกรธรรมดา ก็ถือเป็นจำนวนที่มากพอสมควรแล้ว สิบตำลึงก็อาจจะเป็นรายได้หนึ่งปีถึงสามปีของครอบครัวหนึ่ง ที่จะสามารถเก็บออมได้
ดังนั้นจากที่คิดไว้หนึ่งร้อยตำลึง ลั่วเสี่ยวปิงเปลี่ยนเป็นห้าสิบตำลึง แค่ห้าสิบตำลึงก็สามารถทำให้ตระกูลเมี่ยวลอกเนื้อหนังไปแล้วหนึ่งชั้น
“ห้าสิบตำลึง?เจ้าทำไมไม่ไปปล้นเอา” ชุยซื่อได้ยินว่าห้าสิบตำลึง ก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที
อย่าว่าแต่นางไม่มีห้าสิบตำลึง ต่อให้มี นางก็ไม่มีทางให้คนสกุลจาง เงินถือเป็นชีวิตของนาง
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินแล้วก็หันไปมองชุยซื่อ เม้นริมฝีปากพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่จ่ายเงินชดเชยก็ได้”
ชุยซื่อได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้ สีหน้าค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ขอเพียงไม่ต้องชดเชยเงิน เงื่อนไขอะไรอย่างนั้นล้วนไม่ใช่ปัญหา
เมี่ยวกุ้ยสามคนพ่อลูกที่ไม่พูดไม่จามาตลอด เมื่อได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยก็ค่อยโล่งอก
จากนั้น เวลานี้สายตาของลั่วเสี่ยวปิงก็หันไปมองทั้งสามพ่อลูก เมื่อทั้งสามพ่อลูกถูกมอง จู่ๆก็รู้สึกเย็นไปทั้งหลังขึ้นมา ความรู้สึกอันตรายผุดขึ้นมาในใจทันที
“ไม่จ่ายค่าชดเชย งั้นก็หนามยอกเอาหนามบ่ง ตีหัก....” ลั่วเสี่ยวปิงยกมือชี้ไปที่ทั้งสามคน พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้า ใครยอมให้ตีขาหัก?”
เมี่ยวกุ้ยทั้งสามพ่อลูก “.......” คนโง่เท่านั้นแหละที่จะยอมถูกตีขาหัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...