แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 113

เพื่อให้เหมือนจริง ลั่วเสี่ยวปิงปล่อยให้ตนเองสลบไปจริงๆ แต่ก็ได้ทานยาถอนพิษไว้ก่อนแล้ว

ถึงแม้การที่ลั่วเสี่ยวปิงทำเช่นนี้ค่อนข้างเสี่ยง กลับก็ต้องพูดว่า ถูกแล้วที่ลั่วเสี่ยวปิงทำเช่นนี้

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงสลบไปแล้ว เพื่อความมั่นใจ อีกฝ่ายได้ตามหมอมาตรวจดู อยากรู้ว่านางถูกพิษจริงๆหรือเปล่า

ซึ่งตอนนี้ หากแกล้งสลบ งั้นก็จะถูกจับได้

เพราะทานยาถอนพิษไว้ก่อนแล้ว ระหว่างทางลั่วเสี่ยวปิงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว

ตอนนี้นางถูกปิดตาไว้ มือทั้งคู่ก็ถูกมัดไหว รู้สึกเพียงการกระแทกของรถม้า ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

โชคดีที่ปมที่มัดมือไม่แน่น ลั่วเสี่ยวปิงไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก ก็สามารถแกะหลุดแล้ว

จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็เอาป้ายหยกของฉีเทียนเห้าทิ้งออกไปจากรถม้าอย่างไม่มีใครรู้

เพราะนางรู้ว่า คนของฉีเทียนเห้ากำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวทางเมืองซีเหอทุกย่างก้าว ดังนั้นนางจึงมั่นใจว่าป้ายหยกนี้จะถูกนำไปให้ฉีเทียนเห้า

หากคนของฉีเทียนเห้าเก็บได้ นางหวังอยากจะสื่อข้อความว่าตนเป็นเหยื่อล่องูออกจากรูผ่านป้ายหยกนี้

หากคนของฉีเทียนเห้าสามารถตามนางมาทัน งั้นความปลอดภัยของนางกับอานอานก็มีเพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าครั้งนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อีกฝ่ายสามารถค้ามนุษย์มาได้นานหลายปีขนาดนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายมีอำนาจพอสมควร

คนของฉีเทียนเห้า หากตามนางไม่ทันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ไม่ว่ายังไง นางก็สามารถเข้าไปในค่ายศัตรู มีโอกาสหาเจออานอาน

ตั้งแต่นางตัดสินใจใช้ตนเองไปเสี่ยง นางก็ได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว และเตรียมความพร้อมไว้เท่าที่จะทำได้แล้ว

ในฐานะที่เป็นเภสัชกรอัจฉริยะ นางยังคงมีความสามารถในการป้องกันตัวเองอยู่

อีกอย่าง หากตกอยู่ในอันตรายจริงๆ นางก็ยังมีสเพซน้ำแร่วิญญาณคอยปกป้อง

นางเป็นคนที่ลงมือทำเมื่อมีการเตรียมการไว้แล้วเท่านั้น จะไม่ทำอะไรที่เป็นตัวถ่วง ส่งผลร้ายต่อคนอื่น

หลังจากโยนป้ายหยกออกไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงกลัวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงนอนเงียบๆในรถม้าแล้วแสร้งทำเป็นสลบ

รถม้าวิ่งแล่นไปเร็วมาก ลั่วเสี่ยวปิงถูกกระแทกจนเวียนหัวตาลาย หากไม่ใช่เพราะใช้น้ำแร่วิญญาณเพิ่มสมรรถภาพทางกายมาเป็นเวลานาน เชื่อแน่ว่าลั่วเสี่ยวปิงจะแกล้งสลบไม่ได้แน่ คงอ้วกออกมาเสียก่อน

แม้จะถูกกระแทกอยากทรมานขนาดไหน ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน นับเวลาในใจอย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง รถม้าหยุดวิ่ง แล้วก็มีใครเปิดม่านรถม้าขึ้นมาบนรถม้า

จากนั้นร่างกายของลั่วเสี่ยวปิงก็ถูกคนยกขึ้นมา ลั่วเสี่ยวปิงได้แต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแล้วก็แกล้งสลบต่อไป

ผ่านไปไม่นาน ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกว่าตนเองถูกส่งขึ้นไปยังบนเรือ แล้วก็ได้ยินคนบนเรือพูดกับคนขับรถม้าว่า “เอาล่ะ เจ้ากลับไป จัดการกำจัดร่องรอยทิ้งให้หมด ไม่อย่างนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่าหาว่าข้าใจดำ”

คนที่ขับรถม้าคนนั้นรีบพยักหัวตอบ

จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกได้ถึงเรือเคลื่อนไหวไปมา คิดว่าเหลือคงจะขับออกไปแล้ว

แต่ว่าขับเรือไปได้ไม่นาน ยังไม่ถึงประมาณครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เรือก็เข้าฝั่ง ลั่วเสี่ยวปิงถูกพาไปขึ้นรถม้าอีกครั้ง

จากการรับช่วงต่อจากคนสองกลุ่มสามารถฟังรู้ว่า คนที่ขับรถม้าในครั้งนี้เป็นคนของคนที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนบนเรือก็เป็นเพียงคนที่รับจ้างทำงานเท่านั้น

และหลังจากคนที่อยู่บนเรือส่งนางมาขึ้นรถม้าแล้ว พวกเขายังขับเรือไปข้างหน้าต่อ เพื่อเป็นการลบร่องรอย

ในใจลั่วเสี่ยวปิงอัดแน่นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะระมัดระวังได้ถึงขนาดนี้ ถึงว่า ฉีเทียนเห้าบอกว่า หลังจากสืบไปแล้วเบาะแสก็ขาดแล้ว

ต่อมา ลั่วเสี่ยวปิงก็ถูกกระแทกอยู่ในรถม้าอีกสองชั่วโมงกว่า ในที่สุดรถม้าค่อยขับช้าลง

ได้ยินเสียงความคึกคักของตลาดข้างนอก ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าตนเองน่าจะถูกสองมาถึงจุดหมายแล้ว

“เก็บความเมตตาของเจ้าไว้ การกระทำของเจ้านายเราเจ้าลืมไปแล้วหรือ? ระวังปากจะทำให้สูญเสียชีวิต” เสียงของหญิงชราอีกคนหนึ่ง ฟังดูแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรและค่อนข้างเข้มงวด

จากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบ หลังจากมีเสียงกรอบแกรบสักพัก หญิงชราก่อนหน้านั้นยังพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เด็กที่ส่งมาเมื่อวานคนนั้น.....”

“หุบปาก” หญิงชราอีกคนรีบตัดด้วยเสียงเข้ม

ส่วนลั่วเสี่ยวปิงที่นอนอยู่ กลับตื่นเต้นจนกำมือแน่นทั้งคู่

เด็ก....เด็กที่ส่งมาเมื่อวาน ใช่อานอานหรือเปล่า?

นางถูกส่งมาที่เดียวกับอานอานหรือเปล่า?

ลั่วเสี่ยวปิงกระวนกระวายใจ โกรธที่หญิงชราคนที่เข้มงวดคนนั้น ทำไมจะต้องพูดห้ามไม่ให้หญิงชราอีกคนพูด ให้นางได้รู้เยอะกว่านี้

ตอนนี้นางยังทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงรอ

ไม่นาน เสียงหญิงชราที่เข้มงวดก็พูดขึ้นว่า “ข้าออกไปแปบหนึ่ง เจ้าเฝ้าคนให้ดี”

พูดพร้อมกับเสียงเปิดกับปิดประตูดังขึ้น

หลังจากเสียงฝีเท้าเดินไปไกลแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างสะลืมสะลือ

“อ้า...ทำไมเจ้า....”

ภายในห้อง เหลือเพียงหญิงชราผมหงอกอายุสี่สิบคนหนึ่ง เห็นลั่วเสี่ยวปิงตื่นมาอย่างตกใจมาก

จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมาในทันใด รีบหันตัววิ่งออกไปทางหน้าประตู

“มีคนอยู่ไหม....”

ลั่วเสี่ยวปิงคิดไม่ถึงว่าหญิงชราคนนี้จะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ ในใจอัดแน่น และก็ไม่ทันได้ใส่ใจ พลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งตามหญิงชราคนนั้นไป...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง