แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 127

คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น เป็นคุณชายคนรอง ญาติผู้น้องของนางลั่วเหอซิ่ง

ปกติเจ้าของเดิมกับลั่วเหอซิ่งไปมาหาสู่กันน้อยครั้งมาก แต่ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าลั่วเหอซิ่ง เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็คงสอบเป็นบัณฑิตไม่ได้

แต่ในความทรงจำของเจ้าของเดิม ถึงแม้ลั่วเหอซิ่งจะเป็นคนอ่อนโยน แต่เจ้าของเดิมกลับกลัวญาติผู้น้องคนนี้มาก

ตอนที่สายตาลั่วเสี่ยวปิงหันไปมองลั่วเหอซิ่ง รู้สึกราวกับดวงตาคู่นั้นเหมือนดั่งงูพิษ แต่สีหน้าของนางกลับแลดูอ่อนโยนเป็นมิตร

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ดี ญาติผู้น้องของตนคนนี้ไม่ธรรมดา

แต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว เขายังจะอธิบายอย่างไร

ลั่วเสี่ยวปิงครุ่นคิด แล้วก็หันสายตาไปทางอื่น

ส่วนลั่วเหอซิ่งมองดูลั่วเสี่ยวปิงอย่างลึกซึ้งแปบหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาลง สายตาโหดเหี้ยมฉายแววผ่านไป

วันนี้ไม่ว่ายังไง ความผิดของแม่ของเขาจะต้องยอมรับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเส้นทางการสอบเป็นขุนนางของเขาก็สิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลั่วเหอซิ่งค่อยเงยหน้ามองดูเซี่ยงเซียวเซียน พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ใต้เท้า แม่ของข้าน้อยไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด แต่เป็นผู้เดือดร้อน”

เพราะลั่วเหอซิ่งเป็นบัณฑิตมีชื่อเสียง ดังนั้นต่อหน้าศาลจึงไม่ต้องคุกเข่าลง ยืนอยู่เช่นนี้ ก็แลดูมีความรู้สึกมาดแมน

ฟ่านลี่ฮัวได้ยินแล้ว ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าลูกของตนเองพูดหมายความว่าอย่างไร แต่ความกระวนกระวายใจก็จางหายไปแล้วอย่างมาก

ลูกชายของนางคนนี้ นางเชื่อใจอย่างมาก ราวกับขอเพียงมีเขาอยู่ ก็ไม่มีอะไรที่กระทำไม่สำเร็จ

เซี่ยงเซียวเซียนได้ยินลั่วเหอซิ่งพูดเช่นนี้ แววตาลึกซึ้ง แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ้าบอกว่าแม่ของเจ้าเป็นผู้เดือดร้อน? มีหลักฐานไหม?”

“เรียนใต้เท้า พี่สาวคนโตของข้าน้อยเดิมก็เป็นเมียรองของนายท่านจาง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าถูกนายท่านจางจับไปขายที่ไหนแล้ว” ลั่วเหอซิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น

เห็นลั่วเหอซิ่งเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ลั่วเหอซิ่งกับลั่วเสี่ยวเหมยไม่เป็นมิตรกันเลย ดังนั้นเพื่อลั่วเสี่ยวเหมยแล้ว เขาไม่มีทางที่จะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา สามารถพูดได้เพียงว่า ลั่วเหอซิ่งคนนี้เสแสร้งเก่ง

แต่ลั่วเหอซิ่งพูดขึ้นมาเช่นนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่?

ไม่ต้องพูดว่าลั่วเสี่ยวเหมยถูกนำไปขายหรือไม่ ต่อให้ถูกขายไปแล้ว แล้วเขาจะทำอย่างไรให้ผู้สมรู้ร่วมคิดกลายเป็นผู้เดือดร้อน?

ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงมองดูลั่วเหอซิ่ง ลั่วเหอซิ่งก็หันมามองลั่วเสี่ยวปิง

แต่ในสายตาลั่วเหอซิ่งกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่รอง ข้ารู้ว่าต่อให้พูดเรื่องนี้ออกมา เจ้าก็อาจจะไม่เชื่อ แต่เห็นแก่ความที่เรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน หวังว่าพี่รองจะให้อภัยกับความผิดพลาดของแม่ข้า”

ลั่วเสี่ยวปิงไม่พูดอะไร แต่หลังจากได้ยินลั่วเหอซิ่งพูดเช่นนี้แล้ว ในใจลั่วเสี่ยวปิงกลับคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาในทันใด

ถึงแม้นางจะถูกบ้านใหญ่ตระกูลลั่วขับไล่ออกมา แต่ทะเบียนบ้านของนางกลับยังอยู่ในตระกูลลั่ว

นั่นก็หมายความว่า หากฟ่านลี่ฮัวถูกตัดสินลงโทษ ตนเองก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ตัวนางเองไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ลูกทั้งสองคนล่ะ?

ต่อไปหากอานอานก็เดินเส้นทางในการสอบเป็นขุนนาง หากมีคนรู้ว่าคนในครอบครัวอานอาน เคยมีลูกค้ามนุษย์ ดังนั้นหากอยากเป็นขุนนางก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

ถึงแม้สำหรับนาง การที่จะได้เป็นขุนนางหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ท้ายที่สุดแล้ว ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม ตราบใดที่ยังมีทักษะการเอาชีวิตรอด ก็จะมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า นางจะต้องตัดเส้นทานของลูกตั้งแต่เริ่มแรก

อีกอย่าง หากไม่ใช่เพราะลั่วเสี่ยวเหมย ตอนนี้เขาจะถูกเปิดเผยได้อย่างไร? แล้วจะต้องถูกทรมานอย่างน่าหวาดกลัวอย่างในคืนนั้นได้อย่างไร? หากตนเองไม่คิดที่จะไปจับเด็กคนนั้น ตอนนี้ตนเองก็ยังอยู่สุขสบายดี เป็นนายท่านจางเมืองซีเหอต่อไป

เผชิญกับคำพูดของจางไฉจือ ลั่วเหอซิ่งก็ไม่ร้อนใจ เพียงแค่พูดขึ้นอย่างค่อนข้างโศกเศร้าว่า “เพราะเจ้าทำให้พี่สาวของข้าถูกหย่า และก็ถูกขายเพราะเจ้า ตอนนี้เจ้ายังคิดที่จะใส่ร้ายนาง ช่างไร้มนุษยธรรมจริงๆ”

“หากเจ้าพูดว่าพี่สาวคนโตของข้ากระทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ ก็ขอให้เจ้าเอาหลักฐานมา ไม่ควรที่จะพูดกัดคนอื่นด้วยปากเปล่าเช่นนี้”

ตอนนี้ลั่วเหอซิ่งอายุสิบแปด และก็เป็นบัณฑิตคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาขาวสะอาด ท่าทีโกรธโมโหในตอนนี้ ทำให้แลดูน่าเห็นใจ

หากที่เขาพูดเป็นความจริง งั้นจางไฉจือก็ทำเกินไปแล้วจริงๆ

จางไฉจือได้ยินว่าหลักฐานก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง

เขาไม่มีหลักฐาน มีเพียงคำพูดที่เป็นหลักฐานไม่ได้

เพราะตระกูลลั่วในสายตาเขาตอนนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสนใจ ทุกครั้งที่มีการพบเจอกับคนบ้านใหญ่ตระกูลลั่ว ก็ล้วนเป็นเพียงการพูดคุยการเพียงไม่กี่คำเท่านั้น

แน่นอน สำหรับฉีเทียนเห้า หากต้องการหาหลักฐานนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร

เซี่ยงเซียวเซียนฟังสิ่งที่ลั่วเหอซิ่งพูด สายตาก็หันเหลือบไปมองฉีเทียนเห้า เห็นฉีเทียนเห้าไม่มีท่าทีจะพูดอะไร ก็รู้แล้วว่าในใจฉีเทียนเห้า อาจจะมีแผนอย่างอื่น

ดังนั้นเซี่ยงเซียวเซียนจึงฟังลั่วเหอซิ่งพูดอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรแทรก

แต่พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดต่อไปอีก สามารถที่จะตัดสินโทษได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าฉีเทียนเห้าจะเอายังไง

และในเวลานี้ เซี่ยงเซียวเซียนเห็นฉีเทียนเห้าพยักหัวเล็กน้อย

เห็นเช่นนี้ สีหน้าเซี่ยงเซียวเซียนแปลกประหลาดขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง