“เอ่อ…”
ไม่รอให้จางฮั่วเหมยสารภาพจนหมด เล่อเล่อก็ขัดจังหวะจางฮั่วเหมยด้วยการอุทานออกมา
จางฮั่วเหมยเงยหน้าขึ้นมองไปที่เล่อเล่ออย่างงุนงง เล่อเล่อแสดงสีหน้าสับสนแล้วพูดว่า “แต่ว่าท่านพ่อข้ามีท่านแม่แล้วนะ”
“ข้า…”ไม่รังเกียจ
บ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ ใครจะสนใจว่าชายผู้นั้นจะแต่งงานแล้วหรือไม่?
“ท่านป้ามิได้งามเหมือนแม่ของข้า หาเงินไม่เก่งเหมือนท่านแม่ข้า และเอาอกเอาใจท่านพ่อข้าไม่เก่งเหมือนท่านแม่ข้าด้วย…” เล่อเล่อไม่รอให้จางฮั่วเหมยพูด ก็เริ่มยกนิ้วเล็กๆขึ้นมาเพื่อนับข้อบกพร่องของจางฮั่วเหมย
เมื่อตอนที่เล่อเล่อพูดว่า“เอาอกเอาใจท่านพ่อข้าไม่เก่งเหมือนท่านแม่ข้า” สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็แข็งทื่อไปทันที
เอาอกเอาใจฉีเทียนเห้า?
ไม่ นางไม่ได้ทำ!
นี่ไม่ใช่นาง นางไม่เคยทำอะไรเพื่อเอาใจผู้ชาย
ลั่วเสี่ยวปิงอยากให้เล่อเล่อเลิกใส่ร้ายนางตามใจชอบ แต่เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของจางฮั่วเหมย ลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจหุบปากฉับ
ช่างเถอะ ถือเสียว่าเป็นคำพูดไร้สาระของเด็กแล้วกัน
ยังไงลูกสาวของนางก็ช่วยกำจัดคนที่นางไม่ชอบออกไป นางก็สบายใจขึ้น
“ดังนั้น ท่านป้า ท่านตัดใจเสียเถอะ ท่านพ่อไม่มีทางเสียท่านแม่ไปเพื่อท่านหรอก”
ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังมึนงงอยู่นั้น ในที่สุดเล่อเล่อก็นับข้อบกพร่องของจางฮั่วเหมยที่มากกว่าลั่วเสี่ยวปิงเสร็จ หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปสุดท้าย
เมื่อมองไปที่จางฮั่วเหมยอีกครั้ง ใบหน้าของนางขาวซีดราวกับกระดาษ ดวงตาของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำตา และความอับอาย ไม่เพียงแต่ความคับข้องใจของการถูกรังแกแต่ยังมีความละอายและความโกรธด้วย
ลั่วเสี่ยวปิงประหลาดใจมาก ถึงอย่างไรเล่อเล่อก็เป็นเด็กที่อ่อนโยนและน่ารักมาตลอด แทบจะไม่มีพิษมีภัยเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคิดดูแล้วเล่อเล่อก็มีไอสังหารอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่จากสถานการณ์วันนี้ แทบจะลบล้างความคิดที่นางคิดว่านางรู้จักเล่อเล่อไปหมด
แต่ว่า ต้องบอกเลยว่าเล่อเล่อแบบนี้น่ารักจริงๆ
เพราะนางมองออกว่า การที่เล่อเล่อชันหนามบนร่างกายก็เพื่อปกป้องแม่ของตัวเอง
จางฮั่วเหมยภาคภูมิใจมาตลอด ไม่มีดอกไม้ใดหมู่บ้านจะงามไปกว่านาง
เมื่อถูกเด็กห้าขวบมาดูถูกดูแคลนจนเหลือแค่ฝุ่นผงแบบนี้ นางโกรธจนอยากจะแยกคนออกเป็นชิ้นๆ
นางเทียบลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ตรงไหนกัน? ลั่วเสี่ยวปิงเป็นเพียงแค่หญิงสาวอายุยี่สิบคนหนึ่ง จะเทียบความเยาว์วัยงดงามของนางได้ที่ไหนกัน?
จางฮั่วเหมยคำรามในใจ แต่เมื่อคิดว่าฉีเทียนเห้าอยู่ตรงหน้า นางก็อดทนเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็ระงับความโกรธของตัวเองได้ แล้วมองไปที่ฉีเทียนเห้าอย่างน่าสงสาร “พี่ฉี…”
เสียงนี้ นุ่มนวลเว้าวอนจนเกินเหตุ จนลั่วเสี่ยวปิงอดขนลุกไม่ได้
“ไสหัวออกไป”
ใบหน้าของฉีเทียนเห้าเย็นชา พูดออกมาอย่างเยือกเย็น โดยไม่ไว้หน้าจางฮั่วเหมยสักนิด
ถ้าหากหนานเฉินและคนอื่นๆอยู่ที่นี่ พวกเขาคงคิดว่าจางฮั่วเหมยโชคดีมาก
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน นายท่านของพวกเขาคงโยนนางออกไปนานแล้ว ไหนเลยจะให้สตรีมาร้องคร่ำครวญอยู่ต่อหน้าเช่นนี้?
นี่เป็นความประสงค์ของฉีเทียนเห้าที่ให้เล่อเล่อเล่นละคร จึงปล่อยให้จางฮั่วเหมยทำแบบนี้
ในเมื่อตอนนี้เล่อเล่อพูดสิ่งที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว ฉีเทียนเห้าจึงไม่เกรงใจนางอีก
จางฮั่วเหมยแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ถนอมหญิงสาวที่ว่าล่ะ?
ไม่ใช่สิ หากบุรุษเห็นนางแบบนี้ ควรจะใจอ่อนเข้ามาปลอบโยนนางมิใช่หรือ?
ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้
จางฮั่วเหมยมองไปที่ฉีเทียนเห้าด้วยความตะลึง ด้วยท่าทีที่เข้าใจยาก
“ออกไปซะ อย่าให้ข้าต้องโยนเจ้าออกไป”
ฉีเทียนเห้าไม่อยากจะมองจางฮั่วเหมยอีกแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเขาจึงขู่อย่างหมดความอดทน
คราวนี้ฉีเทียนเห้าไม่ลังเลที่จะปลดปล่อยแรงกดดันออกมา จางฮั่วเหมยกลัวจนหัวสมองว่างเปล่าไม่ทันคิดอะไร ก็รีบวิ่งออกไปจากปกประตู
พะโล้ใช้เวลานาน แต่ของง่ายๆ บางอย่างก็ปรุงได้เร็ว ดังนั้นหนึ่งชั่วโมงจึงเหมาะสม
เมื่อพูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไปที่ห้องด้านหลัง
แต่เมื่อเห็นท่าทีของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ฉีเทียนเห้าก็รีบวางเล่อเล่อที่อุ้มอยู่ในมือแล้วตามลั่วเสี่ยวปิงไป
เล่อเล่อจะตามไป แต่ก็ถูกอานอานห้ามไว้
แค่ดึงมือของเล่อเล่อไว้ อานอานก็มีสีหน้าหงุดหงิด
เขาอยู่ข้างท่านแม่ เขายังไม่ยกโทษให้ท่านพ่อ จับมือน้องสาวไปทำไมกัน?
“เจ้าดึงข้าไว้ทำไม?”
ในเวลานั้นเอง เล่อเล่อก็ถามด้วยสีหน้าที่งุนงง
อานอาน “...ท่านแม่ต้องไปขนเนื้อแน่ๆ พวกเราไปรออยู่ที่ครัวเถิด อย่าไปยุ่งกับเรื่องของท่านแม่เลย”
อืม ที่เขาจับมือของน้องสาวไว้เหตุผลก็เพราะ เขาไม่มีทางสร้างโอกาสให้ท่านพ่อและท่านแม่แน่นอน
อานอานปลอบตัวเองในใจแล้วจูงเล่อเล่อไปที่ด้านหน้า
เล่อเล่อรู้สึกว่าสิ่งที่อานอานพูดนั้นสมเหตุสมผล ดังนั้นนางจึงไม่คัดค้าน
หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงมองไปยังเนื้อที่แขวนอยู่บนคาน และกำลังจะหยิบมันขึ้นมาด้วยการเขย่ง แต่ในขณะนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็เอื้อมมือไปหยิบเนื้อ
“อ่า”
ลั่วเสี่ยวปิงกำลังคิดว่าจะทำพะโล้แบบไหน และนางก็จดจ่ออยู่กับมันมากจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนมาอยู่ข้างหลังเขา
ยื่นมือออกมาอย่างไม่ทันระวังอย่างนี้ ทำให้นางสะดุ้งขึ้นมาทันที
นางตกใจไม่เท่าไหร่ แต่กลับมีปฏิกิริยารุนแรง
เมื่อนางถอยกลับไปด้านข้าง นางก็เหยียบชายกระโปรงของตัวเอง และล้มลงไปด้านข้าง เมื่อนางต้องการจับอะไรบางอย่าง โดยไม่รู้ตัวนางก็คว้าผ้าที่ก้นของฉีเทียนห้าว
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แคว้ก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...